“อุตตม” โยนโจทย์ใหญ่ผู้บริหารก.อุตฯ ยกระดับเอสเอ็มอีเน้นรูปธรรมวัดมูลค่าได้ ไม่ใช่แค่ปริมาณ ไม่สะเปะสะปะแบบเดิม
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายการผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในปี 60 ว่า ได้ให้โจทย์ใหญ่ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างเป็นอย่างเข้มแข็งมานำเสนอในสัปดาห์หน้า โดยต้องเป็นรูปธรรม มีตัวชี้วัดชัดเจน ไม่เฉพาะจำนวนคนเท่านั้น แต่ต้องมีผลในเชิงมูลค่า และเห็นถึงการพัฒนาจริงของผู้ประกอบการ เช่น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องส่งออกสินค้าได้จริง หรือต้องเข้าถึงการค้าออนไลน์ได้จริง เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องการเห็นการพัฒนา เพื่อเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
“ ตัวชี้วัดต่อไปเราจะไมได้วัดแค่จำนวนคนที่เข้าร่วมอบรมเท่านั้น แต่เราจะให้เห็นถึงการพัฒนาของจริงว่า ผู้ประกอบการไปพัฒนาศักยภาพตัวเองอะไรได้บ้าง สร้างมูลค่าเพิ่มได้เท่าไร เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม และให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีพัมนาไปให้ใกล้ 4.0 มากที่สุด โดยขณะนี้เอสเอ็มอีมีอยู่ 2 กลุ่มที่ต้องพัฒนา คือ กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งต้องหาแนวทางช่วยเหลือให้เขาพลิกฟื้นขึ้นให้ได้ และอีกกลุ่ม คือ กลุ่มเอสเอ็มอีที่สามารถยกระดับเป็น 4.0 ได้ ซึ่งกลุ่มนี้ จะมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาบริหารจัดการ”
ขณะเดียวกันจะประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้ามาช่วยเหลือส่งเสริมอย่างบูรณาการ เช่น ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (เรสคิว เซ็นเตอร์) ศูนย์ออกแบบ (ดีไซด์ เซ็นเตอร์) ศูนย์ส่งเสริมงานวิจัยสู่อุตสาหกรรมในอนาคต (ไอทีซี) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รวมทั้งประสานสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ธนาคารกรุงไทย เนื่องจากที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานอาจต่างคนต่างช่วยเหลือ แต่ต่อไปจะประสานให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือให้เป็นลักษณะจิ๊กซอร์ ช่วยขับเคลื่อนไปด้วยกัน