สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ตลาดเครื่องจักรอุตสาหกรรม
29/12/2016
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
รายงานของออฟ-ไฮเวย์ ระบุว่า ความต้องการของรถขุดในตลาดของจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ในเดือน ก.ย. ขณะที่เครื่องจักรที่ใช้ในงานเคลื่อนย้ายดินและหิน และเครื่องจักรสำหรับการทำถนน ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายเส้นทางสายไหมของรัฐบาล



อานิสงส์จากนโยบายคืนชีพเส้นทางสายไหมสุดทะเยอทะยานของรัฐบาลจีน ส่งผลให้ภาคการผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังจากซบเซามาหลายปีจากการตกต่ำของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลังปี 2554 โดยรายงานจากบริษัทที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ออฟ-ไฮเวย์ รีเสิร์ช เผยว่า ยอดขายในปีนั้นเต็บโตถึงขีดสุดที่ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท) ขณะที่ตัวเลขของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 319,698 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบกว่าทศวรรษ

ในการประชุมที่จัดขึ้นทุก 2 ปี ของกลุ่มผู้ประกอบการ ที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา บรรดาผู้บริหารต่างเผยว่าเริ่มเห็นสัญญาณบวกในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จึงทำให้พอจะมีลุ้นเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2554 ว่าปีหน้าจะได้เห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น โดยพิจารณาในหลายปัจจัย ทั้งด้วยเครื่องจักรที่ส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานมากและเริ่มสึกหรอตามกาลเวลา รวมถึงการเอื้อประโยชน์จากโครงการและนโยบายต่าง ๆ ของรัฐ

รายงานของออฟ-ไฮเวย์ ระบุว่า ความต้องการของรถขุดในตลาดของจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ในเดือน ก.ย. ขณะที่เครื่องจักรที่ใช้ในงานเคลื่อนย้ายดินและหิน และเครื่องจักรสำหรับการทำถนน ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายเส้นทางสายไหมของรัฐบาล กลับมาอยู่ในขาขึ้นอีกครั้งหลังการขาดทุนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

นายเดวิด บีเทนโบ รองประธานบริษัทกว่างซีหลิ่วกงแมชชีนเนอรี ผู้ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมการก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของจีน กล่าวว่า ตลาดเริ่มมีทิศทางดีดตัวกลับหลังลงถึงจุดต่ำสุด โดยครอบคลุมทั้งในส่วนของงานก่อสร้างทางรถไฟ ถนน และการก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยทั่วไป

“หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” แผนการพัฒนาทางเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีน ถูกตั้งเป้าว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าให้แก่จีนในทศวรรษหน้าอีก 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 88.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งนับว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยฉุดให้เศรษฐกิจฟื้นคืนหลังช่วงวิกฤติการเงินที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังภาคส่วนอื่นด้วย

นโยบายดังกล่าวซึ่งเป็นแนวคิดริเริ่มของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การ บูรณาการเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก ตะวันออกกลาง และยุโรป ซึ่งลำดับการพัฒนาขั้นต้นจะอยู่ในส่วนของการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างการเชื่อมต่อทางของเส้นทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นถนนหรือทางรถไฟ


ข้อมูลจากทางการชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจของจีนที่เริ่มมีเสถียรภาพ โดยเป็นผลมาจากการลงทุนของรัฐบาลในภาคอสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่ทั่วประเทศซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าการลงทุนของภาคเอกชนและการส่งออกจะยังค่อนข้างซบเซา ด้วยความพยายามที่จะลดผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี รัฐบาลได้เร่งเดินหน้าอนุมัติโครงการและกระตุ้นให้เอกชนเข้ามามีส่วนในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มขยายตัวทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแนวนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐคนใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอังกฤษที่เพิ่งอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 23,000 ล้านล้านปอนด์ (ราว 1 ล้านล้านบาท) สำหรับการลงทุนในส่วนของทางรถไฟ โทรคมนาคม และโครงการที่อยู่อาศัย ขณะที่ในส่วนของเอเชีย นักวิเคราะห์มองว่าทิศทางการเติบโตในปีหน้าค่อนข้างมีหวัง โดยเฉพาะจากนโยบายของจีน การบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และปากีสถาน รวมถึงค่าเงินหยวนที่อ่อนตัวซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการต่างเห็นตรงกันว่า ยังไม่สามารถไว้วางใจต่อสัญญาณการเติบโตที่ปรากฏได้เท่าไรนัก เนื่องจากโดยประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นได้ว่าความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวของตลาดนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก การรับมือกับการฟื้นตัวรอบใหม่ในครั้งนี้จึงเป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ที่มาของข่าว: เดลินิวส์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.