พาณิชย์เผยเจรจา RCEP คืบหน้ามาก สมาชิกยอมเจรจาเปิดเสรีบุคคลธรรมดาระหว่างกัน ส่วนบริการทั่วไปเสนอเปิดเสรี 50-55 สาขาย่อย ให้ถือหุ้นได้เกิน 51% ขณะที่เสรีสินค้ายังไร้ข้อสรุป
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ว่า การประชุมครั้งนี้มีความคืบหน้ามาก ทั้งในเรื่องการเปิดตลาดการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องบริการ สมาชิกตกลงที่จะให้มีการเจรจาการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดาระหว่างกัน จากก่อนหน้านี้หลายประเทศไม่เห็นด้วย
”ในฐานะที่ไทยพึ่งพาการส่งออก และกำลังเผชิญกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การเจรจา RCEP จะสร้างพันธมิตรทางการค้าขนาดใหญ่ได้ เพราะ 16 ประเทศ มีประชากรรวมกันมากกว่า 3,500 ล้านคน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี รวมกันกว่า 23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 29% ของจีดีพีโลก โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย นับเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และแนวโน้มการเติบโตที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทย” นายวินิจฉัยกล่าว
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจา RCEP ฝ่ายไทย กล่าวว่า สมาชิกมีท่าทีผ่อนปรนที่จะให้เริ่มเจรจาการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดาระหว่างกัน แต่จะเปิดเสรีวิชาชีพอะไร และมีเงื่อนไขการเข้ามาทำงานอย่างไร ต้องเจรจาต่อไป
โดยไทยอาจเสนอเปิดเสรีใน 2 ประเภทก่อน คือ การเคลื่อนย้ายคนทำงานในบริษัทเดียวกัน เช่น บริษัทแม่ในต่างประเทศส่งพนักงานเข้ามาทำงานในไทย และการอนุญาตให้นักธุรกิจเข้ามาทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
ส่วนการเปิดเสรีบริการทั่วไป มีการเสนอให้เปิดเสรีบริการ 100 สาขาย่อย จากทั้งหมด 155 สาขาย่อย เช่น โทรคมนาคม การศึกษา การท่องเที่ยว ก่อสร้าง เป็นต้น โดยในจำนวน 100 สาขานั้น ต้องเปิดให้สมาชิก RECP ถือหุ้นได้เกิน 51% ใน 50-55 สาขา ซึ่งไทยและอาเซียนรับได้ เพราะในกรอบอาเซียนเปิดตลาดบริการมากกว่านี้อยู่แล้ว.