สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

โตโยต้า ดันไทย“ฮับ”ไฮบริด เล็งผุดโรงงานแบตเตอรี่ในอาเซียน
06/09/2016
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
“โตโยต้า” ดันไทยศูนย์กลางรถยนต์ไฮบริดเอเชียแปซิฟิก “แบ่งรับแบ่งสู้” เสนอแผนขอส่งเสริมลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าในไทย หวั่นปัญหาสถานีชาร์จไม่พอ

หลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สิทธิประโยชน์การลงทุนด้านภาษีเงินได้ และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอื่นๆ แก่ผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle -EV) ในไทยสานนโยบายไทยแลนด์ 4.0

โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2559 เห็นชอบในหลักการ สนับสนุนให้มีมาตรการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในไทยใน 2 ปีจากนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจต้องยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นแผนงานรวม (แพ็กเกจ) ได้แก่ การประกอบรถยนต์และแบตเตอรี่ มอเตอร์ ระบบควบคุมการจ่ายไฟในปลายปีนี้

ทั้งนี้ วงการรถยนต์รอดูว่า ค่ายรถยนต์ที่ยอดขายอันดับต้นๆ ของโลก และอันดับ 1 ในไทย อย่างบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TMC) จะโดดมาเล่นในสนามนี้ โดยยื่นข้อเสนอขอส่งเสริมการลงทุนหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมที่โตโยต้าเน้น คือ ผลิตรถยนต์ระบบไฮบริด (Hybrid Vehicle) หรือรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน แต่หากโตโยต้าไม่ลงมาเล่นอาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งให้ค่ายรถคู่แข่งในอนาคตได้

+แบ่งรับแบ่งสู้ขอส่งเสริมฯ“อีวี”

ล่าสุด นายฮิโรยูกิ ฟุคุอิ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิก มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เซลล์ ตอบคำถามเรื่องนี้ในงาน 2016 Technology Media Trip โดย “แบ่งรับแบ่งสู้” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธว่า โตโยต้าจะยื่นขอส่งเสริมการลงทุนหรือไม่

โดยระบุว่า ทิศทางผลิตรถยนต์เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่โตโยต้าจะให้ความสำคัญที่สุดในตลาดเอเชียแปซิฟิก คือ ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ปัจจุบันมีไทย เป็นผู้นำยอดขายเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แปซิฟิก อันดับสอง และสาม ได้แก่ มาเลเซีย และสิงคโปร์

ในไทยที่ผ่านมาทำยอดขายสะสม 55,000 คัน จากยอดขายทั้งภูมิภาคที่ 1.28 แสนคัน (ไม่รวมจีน) ขณะที่ยอดขายรวมสะสม รถยนต์พรีอุสไฮบริดทั่วโลก อยู่ราว 9 ล้านคัน ณ มิ.ย.2016 หลังทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2540

+ยอดขายไฮบริดไทยนำเอเชียฯ

“3 ประเทศนี้น่าจะเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฮบริดของโตโยต้าภูมิภาคนี้ แม้ยอดขายยังไม่เติบโตมาก ที่ผ่านมาเติบโตด้วยตัวเลขหลักเดียว อุปสรรคการทำตลาด อยู่ที่ราคายังสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเบนซิน เนื่องจากระบบภาษีนำเข้าไม่เอื้ออำนวย เพราะแต่ละประเทศย่านนี้ต้องนำเข้ารถยนต์ไฮบริด มีกรณีของไทยเริ่มผลิตรถยนต์ไฮบริดในไทยแล้ว ได้แก่ คัมรี่ ไฮบริด” นายฟุคุอิ กล่าว

ส่วนการวางบทบาทรถยนต์ไฟฟ้าโตโยต้าในไทย เห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสนใจทั้งเรื่องรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีนโยบายสนับสนุนอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามปัญหารถยนต์ไฟฟ้าขณะนี้ คือ ไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรี่ ปัจจุบันไม่สามารถนำแบตเตอรี่ไปเสียบชาร์จไฟฟ้าตามบ้านอยู่อาศัย เมื่อเทียบกับรถไฮบริดซึ่งไม่ต้องไปชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่

+ช่วง“เปลี่ยนผ่าน”สู่รถยนต์ไฟฟ้า

โดยเห็นว่ารถไฮบริดเป็นการผลิตรถยนต์เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้ายังวิ่งได้ระยะสั้นกว่าไฮบริด ลดการใช้น้ำมันลดได้ครึ่งหนึ่งของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน

“รัฐบาลไทยควรต้องมองว่า อะไรเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดูภาพรวมการใช้พลังงานเชื้อเพลิงของประเทศว่า จะทำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดได้อย่างไร ขณะเดียวกันต้องดูโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงนโยบายด้านพลังงานของประเทศประกอบด้วย”

กรณีโตโยต้าต้องทำเรื่องรถยนต์ไฮบริดเป็นหลัก เพราะมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี จะใช้เทคโนโลยีนี้พัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน (Fuel Cell VehicleหรือFCV)

+ลดภาษีฯแข่งราคารถเบนซิน

ส่วนการทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้น ต้องสร้างแรงจูงใจด้านราคาขายให้ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะด้านภาระภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศ หากลดลงได้จะทำให้ราคาแข่งขันได้

เขาระบุด้วยว่า ขณะนี้โตโยต้าฯ กำลังพิจารณาความเหมาะสมที่จะนำรถพรีอุสไฮบริด กลับมาประกอบในไทย หลังเผชิญปัญหาคำนวณภาษีนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์จนต้องหยุดประกอบฯในไทย

“ผมไม่ใช่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง สำหรับไทยผมเข้าใจว่าคุณทานาดะ (เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ) กำลังดำเนินการเรื่องนี้”

+เล็งตั้งรง.แบตเตอรี่ในอาเซียน

นอกจากลดภาระภาษีนำเข้า การทำให้ราคารถไฮบริดแข่งขันได้ คือ ทำให้ราคาแบตเตอรี่ลดลง ซึ่งปัจจุบันโรงงานแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริดมีฐานการผลิตในญี่ปุ่น ซึ่งร่วมทุนกับพานาโซนิค คอร์ปอเรชั่นและโรงงานแบตเตอรี่ในจีนจะเริ่มดำเนินการผลิตในปีนี้

ปัจจุบัน โรงงานผลิตแบตเตอรี่ของโตโยต้าในญี่ปุ่นมี 3 โรงงาน กำลังการผลิตรวม 1.7 ล้านยูนิตต่อปี

อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า มีความเป็นไปได้เช่นกัน ที่ในอนาคตโตโยต้าจะสร้างโรงงานแบตเตอรี่ในอาเซียน รองรับแนวโน้มรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้ราคารถยนต์ไฮบริดปรับตัวลดลง

“ถามว่าอาเซียนจะมีโรงงานแบตเตอรี่ไหม มีความเป็นไปได้ เพราะรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นเทรนด์ที่ประเทศในเอเชียแปซิฟิกมุ่งไป เราจะนำรถยนต์ไฮบริดที่ผลิตจากฐานการผลิตที่มีต้นทุนแข่งขันได้ ส่งออกทำตลาดต่างประเทศ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน เอาเป็นว่าโตโยต้าเราไม่แพ้รายอื่นแน่นอน”

+บีเอ็มฯ-นิสสัน-รถจีน จ่อแข่ง"อีวี"ในไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันค่ายรถยนต์รายใหญ่ที่รุกรถยนต์ไฟฟ้ามีเพียง บีเอ็มดับเบิลยู และนิสสัน โดยบีเอ็มดับเบิลยู มีรุ่น BMWi3 ที่พัฒนามาตั้งแต่ปี 2557 มีโรงงานในไทยสามารถประกอบร่วมกับไลน์ผลิตรถยนต์ทั่วไปได้

ส่วนนิสสัน มีรุ่น LEAF คอมแพคท์ซีดาน สามารถทำในไลน์ผลิตรถยนต์ในไทยได้ทันที ขณะที่ เทสล่า รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกายังไม่มีท่าทีชัดเจนที่จะเข้ามาทำตลาดในไทย

ล่าสุด ยังมีกลุ่มทุนจีน ในนามบริษัท Beiqi Foton Motor Co.,Ltd. ที่ระบุว่า เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน ลงนามความร่วมมือประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในไทยร่วมบริษัทไทยยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยราว 30 ราย
ที่มาของข่าว: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.