นักลงทุนจีนตบเท้าเข้าไทย 7 เดือน มูลค่ากว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ขึ้นอันดับ 2 รองแค่ญี่ปุ่น แย้มบริษัทยักษใหญ่ผลิตหัวรถจักรไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า หารือเล็งลงทุน
นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พาคณะนักธุรกิจจากมณฑลเจียงซู สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าพบ ว่า นายฉง ซู่เฟิง รองประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของมณฑลเจียงซู ได้นำคณะนักลงทุนเข้ามาสำรวจลู่ทางการลงทุนในไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีนักลงทุนจากมณฑลเจียงซูเข้ามาตั้งกิจการในไทยแล้ว 87 ราย และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ 37 ราย มูลค่าการลงทุนกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนที่มาในคณะนี้ 1 ราย ก็เตรียมที่จะขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ มูลค่าลงทุนประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ผู้ประกอบการจีนให้ความสนใจกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยในปีนี้นักลงทุนจีนได้เข้ามาขอรับการส่งเสริมเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น ในรอบ 7 เดือน มาลงทุน 55 โครงการ มีมูลค่าลงทุนกว่า 21,459 ล้านบาท ตามหลังญี่ปุ่นที่มี 151 โครงการ มูลค่าการลงทุน27,092 ล้านบาท” นางอรรชกากล่าว
ด้านนางวัชรี ถิ่นธานี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน นครเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ในปีนี้ สำนักงานนครเซี่ยงไฮ้ตั้งเป้าที่จะดึงดูดการลงทุนจากจีนไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งล่าสุดมีเข้ามาขอรับการส่งเสริมแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะถึงเป้าหมายอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตหัวจักร และโบกี้รถไฟฟ้า รวมทั้งระบบรางรายใหญ่ และผู้ผลิตรถบัสไฟฟ้า ได้เข้ามาหารือลู่ทางการลงทุนในไทย คาดว่าจะมีเม็ดเงินการลงทุนจำนวนมาก และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในอุตสาหกรรมทีใช้เทคโนโลยีชั้นสูงของไทย
นอกจากนี้ ในวันที่ 7 กันยายนนี้ จะมีคณะนักลงทุนจากมณฑลชานตง นำคณะจำนวน 29 ราย เข้ามาดูลู่ทางการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล อาหารสำเร็จรูป อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงานทดแทน ซึ่งล้วยแต่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย
“แม้ว่าขณะนี้ในอาเซียนจีนจะเข้าไปลงทุนในเวียดนามเป็นหลัก แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนจีนได้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นเรื่อยๆ จนติด 1 ใน 5 ของนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ออกนโยบายผลักดันให้ทุนจีนออกไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นนักลงทุนจีนต่างเห็นตรงกันว่านโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยดีมีความชัดเจนทั้งในเรื่องมาตรการทางภาษีและไม่ใช่ภาษี จึงคาดว่าจะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ” นางวัชรีกล่าว