ผู้ว่าการ ธปท.มองภาพรวม ศก.ไทยกระเตื้องขึ้น แต่ยังเปราะบาง และไม่กระจายตัว เตือนปัญหาเชิงโครงสร้างออกอาการ ติดกับดับรายได้ปานกลาง สะท้อนให้เห็นปัญหาที่ฝังลึก และไม่ถูกแก้ไขอย่างจริงจัง แนะทำงานเชิงรุกเพื่อให้ประเทศหลุดจากการติดหล่ม และปลดล็อก ศก.ไทยให้สามารถก้าวข้ามไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง และยั่งยืนได้
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการเชิงสังเคราะห์ “โมเดลใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ” โดยระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยประสบกับความผันผวนอย่างต่อเนื่องทั้งปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ ซึ่งแม้ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น และความผันผวนจะลดลง แต่การฟื้นตัวยังไม่กระจายตัวไปทุกภาคส่วน และยังมีความเปราะบาง
ทั้งนี้ การมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสั้น อาจทำให้ละเลยปัญหาที่ใหญ่และหนักกว่า นั่นคือ ปัญหาในเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่นับวันจะแสดงอาการออกมามากขึ้น โดยพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยในอดีตสามารถขยายตัวได้สูงถึง 7-8% ต่อปี แต่หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยลดลต่ำลงมาเหลือเพียงปีละ 3-4% จนดูเหมือนกลายเป็น new normal ของอัตราการขยายตัวไปแล้ว
“รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทยที่ในอดีตเคยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ปัจจุบันกลับถูกหลายประเทศที่เคยตามหลังเราแซงหน้าไปแล้ว ภาวะเช่นนี้เรียกว่า การติดกับดับรายได้ปานกลาง สะท้อนให้เห็นว่า การชะลอลงของเศรษฐกิจไทยในระยะหลัง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ปัญหาวัฏจักรเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ฝังลึกมานาน และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง”
ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างหลายจุดทั้งการขาดการลงทุนมาเป็นเวลานาน เทคโนโลยีการผลิตที่ล้าหลัง การขาดแคลนแรงงานทักษะสูง และปัญหาระบบการศึกษาไทยที่ด้อยคุณภาพ
ผู้ว่าการ ธปท. เชื่อว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ในเวลาสั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม และทำงานเชิงรุกเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยหลุดจากการติดหล่มในเชิงโครงสร้างต่างๆ และปลดล็อกเศรษฐกิจไทยให้สามารถก้าวข้ามไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง และยั่งยืนได้