"หอการค้าไทย" เตรียมดึงอิตาลี ร่วมลงทุนฐานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร-อาหาร ด้านกลุ่มเซ็นทรัล เปิดช่องนำเอสเอ็มอีไทยทดสอบตลาดต่างประเทศ
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทย-อิตาลีว่า จากการจัดประชุม อิตาเลี่ยน-ไทย บิซิเนส ฟอรั่ม ประจำปี 2559 ที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มีนักลงทุนไทย-อิตาลี เข้าร่วมพบปะเจราจาทางธุรกิจรวม 30 ราย แบ่งเป็นบริษัทอิตาลี 13 บริษัท บริษัทไทย 17 ราย โดยภาคเอกชนไทย อยู่ระหว่างเจรจาการค้าและชักชวนให้บริษัทอิตาลีเข้ามาลงทุนในไทย เช่น บริษัท ซีเอ็นเอช อิตาลี ที่มีธุรกิจจักรกลทางการเกษตร ที่จะสามารถนำมาพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ เช่น รถตัดอ้อยในอุตสาหกรรมน้ำตาล ซึ่งในอนาคตรถตัดอ้อยจะเข้ามาทดแทนแรงงานคน
ทั้งนี้ ประเทศไทยปลูกอ้อยประมาณ 100 ล้านตันต่อปี โดยหาก 50% หันมาใช้รถตัดอ้อย คาดว่าจะมีความต้องการรถตัดอ้อยถึง 2,500 คัน รถเสริม 7,500 คัน จึงเป็นโอกาสที่จะดึงให้บริษัท ซีเอ็นเอช ที่จำหน่ายรถแทรกเตอร์ แบรนด์นิวฮอลแลนด์ หรือ ฟอร์ดแทรกเตอร์ เข้ามาร่วมทุนจัดตั้งศูนย์การผลิตและบริการในไทย จากเดิมที่ใช้ตัวแทนจำหน่าย และอนาคตยังสามารถใช้เป็นฐานการผลิตและส่งออกไปยังอาเซียนและกลุ่มลุ่มน้ำโขง (ซีแอลเอ็มวี) ได้ในอนาคต โดยบริษัท ซีเอ็นเอช ยังร่วมพัฒนาบุคลากรระดับอาชีวะศึกษาให้มีความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ จากเดิมที่มีบุคลากรในไทย 40 คน และเพิ่มขึ้นเป็น 100 คน
รวมถึง ยังเตรียมชักชวนให้บริษัทเฟอร์เรโร ผู้ผลิตช็อกโกแลต อันดับ1ของอิตาลี เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตช็อกโลแลตในประเทศไทย เพราะไทยมีศักยภาพด้านการผลิตและส่งออกน้ำตาลเป็นอันดับ 2 ของโลก
ขณะที่บริษัทพิเรลลี่ ของอิตาลี สนใจที่จะมาลงทุนธุรกิจยางพารา ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนเจรจาธุรกิจต่อไป
นายอิสระ กล่าวว่า ส่วนการลงทุนไทยในอิตาลี มองว่า มีหลายธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น ธุรกิจห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน และแฟชั่น ซึ่งอนาคตจะเห็นการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศเติบโตเพิ่มขึ้น
ด้านนางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ในฐานะประธานร่วมอิตาเลี่ยน-ไทย บิซิเนส ฟอรั่ม ประจำปี 2559 กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัล อยู่ระหว่างการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าลา รีนาเชนเต แห่งใหม่ในกรุงโรม อิตาลี ซึ่งเป็นห้างแฟล็กชิปอีกแห่งหนึ่งที่กำลังจะเปิดให้บริการในปี 2560 ซึ่งจะเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทยที่มีศักยภาพ เข้าไปใช้พื้นที่ทดลองจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ โดยเอสเอ็มอี ที่ศักยภาพสามารถเข้าไปจัดจำหน่ายสินค้าได้โดยตรง หรือ อาจเป็นในรูปแบบความร่วมมือผ่านกระทรวงพาณิชย์ หรือ กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยต่อไป หลังพบว่า จากที่การจัด ลา รีนาเซนเต ที่มิลาน จัดงานเอ็กซ์โปฟู้ด โชว์ศักยภาพอาหารไทย ประสบความสำเร็จ จนมีแนวคิดที่จะนำอาหารไทยเข้าไปจัดจำหน่ายถาวรภายในห้างสรรพสินค้าต่อไป