ชาติเพื่อนบ้านของประเทศไทยอย่างเวียดนาม กำลังมองหาการลงทุนในอุตสาหกรรมรอง เท้าและสิ่งทอ เนื่องจากเวียดนามทำข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ต่าง ๆ กับตลาดหลักของโลก.
องค์การแรงงานสากล (ไอแอลโอ) เผยผลการศึกษาฉบับหนึ่งพบว่า แรงงานมากกว่าครึ่งใน 5 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียงานให้แก่เครื่องจักรกล ซึ่งถูกนำมาใช้แทนแรงงานคนในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเสื้อผ้ามีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะตกงาน
ผลการศึกษาระบุว่า แรงงานราว 137 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 56 ของแรงงานที่กินเงินเดือนจากกัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียงานของตนให้แก่เครื่องจักร
เดโบราห์ ฟรานซ์-แมสซิน ผู้อำนวยการฝ่ายผู้ว่าจ้างของไอแอลโอ บอกว่า ประเทศต่าง ๆ ที่แข่งขันกันด้วยแรงงานค่าจ้างต่ำ จำเป็นต้องปรับสถานภาพ และการตัดราคาแข่งขันกันจะไม่มีอีกแล้ว ซึ่งต่อไปนี้แรงงานต้องได้รับการฝึกฝนให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เคียงข้างเครื่องจักรกล
นอกจากนี้ ร้อยละ 64 ของแรงงานชาวอินโดนีเซีย มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียงานให้แก่เครื่องจักร ส่วนในเวียดนาม แรงงานถึงร้อยละ 86 และกัมพูชา แรงงานถึงร้อยละ 88 มีความเสี่ยงตกงานเพราะเครื่องจักร ขณะที่ โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าต่าง ๆ ในกัมพูชา ซึ่งรับคำสั่งจากบริษัทผู้ค้าปลีกอย่าง Adidas, Marks and Spencer และ Wal-Mart Stores Inc ว่าจ้างแรงงานราว 600,000 คน
ด้านชาติเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม กำลังมองหาการลงทุนในอุตสาหกรรมรอง เท้าและสิ่งทอ เนื่องจากเวียดนามทำข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ต่าง ๆ กับตลาดหลักของโลก รวมทั้งความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือทีพีพี นำโดยสหรัฐ และเวียดนามเป็นซัพพลายเออร์(ผู้จำหน่าย) เสื้อผ้ารายใหญ่อันดับสองให้แก่สหรัฐรองจากจีนที่เป็นซัพพลายเออร์เบอร์ 1
องค์การแรงงานสากล ยังระบุด้วยว่า เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องพรินต์ 3 มิติ, เทคโนโลยีสวมใส่, นาโนเทคโนโลยี และหุ่นยนต์เครื่องจักรกล จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเสื้อผ้า โดยเฉพาะหุ่นยนต์เครื่องจักรกลจะมีประโยชน์อย่างมากในโรงงานผลิตชิ้นส่วน และสามารถทำ งานร่วมกับมนุษย์
ขณะที่ภาคสิ่งทอ เสื้อผ้า และรองเท้ามีความเสี่ยงสูงที่จะมีการนำเครื่องจักรเข้ามาใช้ ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์และอะไหล่นั้น แรงงานกว่าร้อยละ 60 ในอินโดนีเซีย และแรงงานกว่าร้อยละ 70 ในไทย เผชิญความเสี่ยงที่จะสูญเสียงานให้แก่เครื่องจักร
โดยภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผลิตรถยนต์ได้มากเป็นอันดับ 7 ของโลกเมื่อปี 2558 มีแรงงานมากกว่า 800,000 คน ไทยซึ่งได้รับฉายาว่า “ดีทรอยต์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เป็นศูนย์กลางการส่งออกและการผลิตของภูมิภาคให้แก่บรรดาผู้ผลิตรถชั้นนำของโลก โดยภาคยานยนต์ของไทย มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี และมีแรงงานมากเป็นอันดับ 10 ในภาคการผลิต
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นบ้านของประชาชนกว่า 630 ล้านคน และเป็นศูนย์กลางของภาคการผลิตหลายอย่าง เช่น สิ่งทอ รถยนต์ และแผ่นฮาร์ด ดิสก์ แรงงานถึง 9 ล้านคนในภูมิภาคทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เสื้อผ้า และรองเท้า