สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เอกชนอัดเงินลงทุน 1.13 แสนล. ลดคนหันซื้อเครื่องจักรอัพเทคโนโลยีพัฒนาสินค้า
08/04/2016
ข่าวเศรษฐกิจ
“กรมโรงงาน” เผยไตรมาสแรกยอดเปิดโรงงานและขยายกิจการมีมูลค่ากว่า 1.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% คาดทั้งปีโตไม่น้อยกว่า 5% ระบุแนวโน้มความต้องการจำนวนแรงงานลดลง แต่แรงงานมีทักษะมีความต้องการสูงขึ้น หลังจากเอกชนเริ่มลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ หวังเพิ่มมูลค่าสินค้าและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันขึ้น



นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผย ยอดการเปิดกิจการใหม่และขยายกิจการไตรมาสแรก มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 1,181 โรงงาน เพิ่มจากช่วงเดียวกันในปี 2558 ที่มีอยู่ที่1,096 โรงงาน หรือ เพิ่มขึ้น 7.75.% ขณะที่มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 113,613 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่อยู่ที่ 93,663 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 21%

มูลค่าการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสแรกเนื่องจากอาจมีการลงทุนเครื่องจักร หรือเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่าย รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันกับคู่แข่งอีกทั้งภาครัฐมีการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆในการกระตุ้นการลงทุนที่ชัดเจนขึ้นและมีการเดินทางโรดโชว์ตามประเทศต่างๆเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน รวมถึงการให้รายละเอียดนโยบายส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ยอดการเปิดกิจการใหม่ในเดือนมีนาคม 2559 มีจำนวน 378 โรงงาน เพิ่มขึ้น 6.47% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา(355 โรงงาน) มูลค่าการลงทุน 22,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.65% เมื่อเทียบกับปีก่อน (21,717 ล้านบาท) มีการจ้างงาน 9,060 คน ลดลง 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (10,001 คน) ส่วนการขยายกิจการในเดือนมีนาคม มีจำนวน 70 โรงงาน เพิ่มขึ้น 6.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(66 โรงงาน) ขณะที่ยอดเงินลงทุน 19,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(12,480 ล้านบาท)

ทั้งนี้เมื่อรวมการเปิดกิจการใหม่และขยายกิจการในเดือนมีนาคม พบว่า มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 448 โรงงาน เพิ่มขึ้น 6.41 %จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (421 โรงงาน) มูลค่าการลงทุนรวม 42,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.77% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (34,197 ล้านบาท) โดยอุตสาหกรรมที่มีจำนวนเปิดกิจการใหม่มูลค่ามากที่สุดในเดือนมีนาคม 2559 ได้แก่ อุตฯอาหาร มูลค่าการลงทุน 1,489 ล้านบาทอุตฯเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี มีมูลค่าการลงทุน 1,443 ล้านบาท อุตฯผลิตภัณฑ์โลหะ 1,430 ล้านบาท เป็นต้น

“ในเดือนมีนาคมยอดเปิดกิจการใหม่และขยายกิจการมีการเติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจมาจากการผลักดันนโยบายคณะกรรมการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคตทั้ง 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลเริ่มเห็นผลบ้างแล้ว หลังจากเริ่มมีการวางนโยบายเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น รวมทั้งการออกสิทธิประโยชน์ต่างๆเพื่อกระตุ้นการลงทุนภายในปีนี้ แต่ที่น่าจับตามอง คือ จำนวนแรงงาน เริ่มมีแนวโน้มที่ลดลง เนื่องจากรัฐบาลมีการผลักดันและมีนโยบายสนับสนุนให้มีการลงทุนในด้านของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้มีการใช้แรงงานที่ลดลง แต่แรงงานที่มีทักษะจะมีความต้องการมากขึ้นในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่พยายามผลักดันให้มีแรงงานด้านทักษะมากขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับประเทศ” นายพสุกล่าว

นายพสุ กล่าวว่า จากเดิมที่กรมโรงงานตั้งเป้ามูลค่าเปิดกิจการใหม่และขยายกิจการจะอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท คงได้ตามเป้าอย่างแน่นอน และมั่นใจว่าจะเพิ่มกว่าปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 5% เนื่องจากปัจจุบันประเทศอยู่ในบรรยากาศน่าลงทุน รวมทั้งปัจจุบันกรมโรงงงานกำลังแก้ปัญหาเรื่องผังเมือง ซึ่งหากเสร็จเรียบร้อยจะส่งผลดีต่อโรงงานที่เกี่ยวข้องกับอุตฯ อ้อยและน้ำตาลที่ติดปัญหาอีกกว่า 10 โรงงาน และส่วนใหญ่ช่วงไตรมาสสุดท้ายจะเป็นช่วงที่มีการลงทุนของผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก

ในส่วนของโรงงานที่ขอเลิกกิจการในเดือนมีนาคมมีการยื่นขอเลิกกิจการไปแล้ว 647 โรงงาน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เลิกกิจการ 203 โรงงาน หรือเพิ่มขึ้น 218% มีมูลค่าลงทุน 8,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 2,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 240% และมีแรงงานที่ต้องว่างงาน 16,427 คน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 5,969 คน หรือเพิ่มขึ้น 175%

โดยโรงงานที่ขอเลิกกิจการมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อุตฯยานพาหนะและส่วนประกอบ2.อุตฯเครื่องเรือนหรือเครื่องตบแต่งในอาคารจากไม้ แก้ว ยางหรือโลหะอื่นๆ 3.อุตฯแปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ 4.อุตสาหกรรมโลหะ 5.อุตสาหกรรมพลาสติก 6.อุตสาหกรรมอโลหะ 7.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากพืช 8.อุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น

“ยอดปิดโรงงานที่มีเพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องมาจากทางกรมโรงงานเริ่มเก็บข้อมูลให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยมีการเข้าไปตรวจโรงงานที่หยุดกิจการไป รวมถึงผู้ประกอบการบางรายเริ่มมีการแจ้งเลิกกิจการเข้ามา” นายพสุกล่าว
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.