เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมานายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการถ่ายทอดความรู้เพื่อวางแผนการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก โดยมีนายวัชรินทร์ ภู่แพร ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอนันต์ มหัจฉริยพันธุ์ สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก ข้าราชการสำนักงานสหกรณ์จังหวัด และผู้แทนสหกรณ์ภาคเกษตร จำนวน 19 แห่ง จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการ ณ โรงแรมเรือนแพ รอยัลปาร์ค จังหวัดพิษณุโลก
ทั้งนี้เป็นผลมาจากเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะเวลา 5 ปี (ปี 2558-2562) พร้อมอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2558 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนสมาชิก ระยะนำร่อง และเงินอุดหนุนสหกรณ์การเกษตรจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อให้บริการแก่สมาชิกสหกรณ์ 20 แห่ง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง
พร้อมกันนี้ยังอนุมัติกรอบวงเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการในระยะขยายผล ปี พ.ศ. 2559-2562 เพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมตามโครงการฯ โดยให้ ธ.ก.ส. กำหนดอัตราดอกเบี้ยโครงการฯ เป็น MLR-1 เช่นเดียวกับโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปี 2557/58 และโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลาชดเชย 5 ปี นับตั้งแต่วันที่สหกรณ์กู้ยืม ซึ่งไม่รวมค่าใช้จ่ายชำระคืนเงินต้นและไม่รวมค่าชดเชยความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณถัดไป ตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง

และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการลดต้นทุนการผลิต เช่น การเช่านา เป็นต้น และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในระยะนำร่อง ควรให้มีการเผยแพร่หลักเกณฑ์การคัดเลือกให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อให้สหกรณ์ทุกแห่งได้รับทราบว่าการคัดเลือกเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาร้องเรียนจากสหกรณ์ที่ไม่ได้รับคัดเลือกในภายหลัง
และทำการถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องจักรกลการเกษตรที่ถูกต้องให้แก่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ การเลือกชนิดหรือประเภทของเครื่องจักรกลการเกษตรควรพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สภาพของดินและชนิดพืชที่จะเพาะปลูก ตลอดจนศักยภาพการให้บริการของแต่ละสหกรณ์ และควรพิจารณาเครื่องจักรกลการเกษตรที่ดำเนินกิจการด้วยคนไทยเป็นทางเลือกแรก
ซึ่งในประเด็นนี้ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ ก็ได้ดำเนินการดังที่กล่าวมาข้างต้น และปัจจุบันมีหลายสหกรณ์ที่ได้รับการพิจารณา พร้อมทั้งมีการส่งมอบเครื่องมือทางการเกษตรเพื่อนำไปใช้ในสหกรณ์แล้ว หลายสหกรณ์ด้วยกัน.