“อรรชกา”มั่นใจบริษัทชั้นนำ ญี่ปุ่น สหรัฐ รัสเซียเบลารุส เตรียมลงทุนไทย ผลจากการโรดโชว์ชักจูงนักลงทุนทั้ง 4 ประเทศ สศอ.ฝันไทยพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง
นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยผลการเดินทางชักจูงการลงทุน 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และเบลารุส ว่า สำหรับการโรดโชว์ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 12-15 ก.พ. 2559 ผลการเจรจา มีแนวโน้มที่บริษัท SEIREN (เซเรน) Co.,Ltd. และบริษัท NIKKA Co.,Ltd. จะเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทย
ส่วนการไปโรดโชว์ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่15-19 ก.พ. 2559 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและชักจูงการลงทุนบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ คลัสเตอร์ยานยนต์และชิ้นส่วน คลัสเตอร์ดิจิทัล และคลัสเตอร์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์โทรคมนาคม
ขณะที่การเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย เมื่อวันที่ 24-25 ก.พ. 2559 ได้หารือกับบริษัท Group-IB ซึ่งทำธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบไอที (Cyber Security)แสดงความสนใจจะเข้าไปใช้ประเทศไทยเป็นฐานการเข้าไปทำธุรกิจในอาเซียน
นางอรรชกา กล่าวว่า ส่วนการเยือนประเทศเบลารุส เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ได้เข้าพบรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเบลารุส (นายวิทาลี่มิฮาโลวิช โวฟ์ค) และผู้แทนภาคเอกชนโดยได้เยี่ยมชมกิจการ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท MSW ผลิตรถแทรกเตอร์ทางการเกษตร บริษัท MAZ ผลิตรถขนส่งรถบรรทุก และบริษัท BELAZ ผลิตรถบรรทุกสำหรับเหมืองแร่ ทั้ง3 ราย สนใจขยายตลาดไปยังประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีความเป็นไปได้ที่จะลงทุนในประเทศไทย
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยภายหลังงานสัมมนา “ประเทศหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์สำคัญของประเทศไทย ในการก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง” ว่า ยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ไทยหลุดจากประเทศรายได้ปานกลาง ประกอบด้วย 1.ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและบริการให้มากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพ ทักษะฝีมือแรงงานให้สามารถปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยกระบวนการผลิตเพื่อให้ต้นทุนต่ำลง
2.การมีมาตรการสนับสนุนให้ SMEs ของคนไทยเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้างแรงจูงใจในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับสูง และส่งเสริมให้มีงานวิจัยในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มขึ้น และ 3.สนับสนุนลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนาของประเทศให้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการจัดสรรงบประมาณและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงบประมาณวิจัย และบูรณาการงานวิจัยระหว่างหน่วยงานและเน้นการทำวิจัยเพื่อนำไปใช้จริง
ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 มีประเทศที่อยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลางจำนวน 101 ประเทศทั่วโลก มีเพียง 13 ประเทศ เท่านั้นที่สามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นกลุ่มรายได้สูงได้ ส่วนที่เหลือยังคงเป็นประเทศรายได้ปานกลางต่อไป