นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า โครงการให้เงินกองทุนหมู่บ้าน เพื่อไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของหมู่บ้านแห่งละไม่เกิน 5 แสนบาท วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้เพิ่ม 0.15% เนื่องจากมีเงินหมุนเวียนในการลงทุนและใช้จ่ายมากขึ้น โดยการใช้เงินจะรวดเร็วเพราะกำหนดให้ดำเนินการภายใน 6 เดือน ทั้งนี้การใช้เงินกองทุนหมู่บ้าน 3.5 หมื่นล้านบาท เป็นการใช้เพื่อลงทุน ต่างกับที่ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยกู้ให้กองทุนหมู่บ้าน และไปปล่อยกู้ให้กับสมาชิกเพื่อลงทุนหรือทำอาชีพวงเงิน 6 หมื่นบาท ซึ่งในส่วนนี้มีการปล่อยกู้ไปได้แล้ว 5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างยกระดับกองทุน หมู่บ้านเกรด C และ D เป็นเกรด A และ B เพื่อที่จะขอกู้เงินได้ ซึ่งทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบขยายเวลาให้กู้ไปถึง 31 มี.ค. 2559
ทั้งนี้ตั้งแต่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ คาดว่าสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) จะเริ่มทยอยได้รับเงินในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้ทุกกองทุนหมู่บ้านพัฒนาชุมชนทั้งหมด 79,556 กองทุน จึงเร่งรัดให้เสนอโครงการลงทุนต่อ กทบ. เงินทุนดังกล่าวจะเกิดการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว เพราะอนุมัติการใช้เงินผ่านคณะกรรมการและติดตามดูแลจาก กทบ. ต่างจากเงินกู้กองทุนหมู่บ้านผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และออมสิน วงเงิน 60,000 ล้านบาท ปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยและปลอดดอกเบี้ยในช่วงแรก แต่เงินก้อนดังกล่าวสนับสนุนให้เกิดการลงทุนอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังได้มีการกำชับกองทุนหมู่บ้านให้นำเงินในส่วนของ 3.5 หมื่นล้านบาท ไปลงทุนไม่ให้ซ้ำซ้อนกับโครงการลงทุนตำบลละ 5 ล้านบาท ที่ ครม. เห็นชอบไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาและมีการขยายเวลาการเบิกจ่ายไปถึง 31 มี.ค. 2559 เช่นกัน โดยงบองทุนหมู่บ้านที่ให้เพิ่มเติมลงไปวงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท นั้น เน้นให้แต่ละหมู่บ้านนำไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน เช่น ยุ้งฉาง โรงสีชุมชนโรงตากพืชผลทางการเกษตร โรงงานผลิตปุ๋ยประจำชุมชน การจัดทำแหล่งน้ำชุมชน เครื่องจักรสำหรับแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และกิจกรรมอื่นที่เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมศักยภาพการประกอบอาชีพทางการเกษตร
ผอ.สศค.ยังได้กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าจะขยายตัวได้ 3.8% ซึ่งในวันนี้ 28 ม.ค. จะมีการปรับประมาณการอีกครั้ง ซึ่งแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ของปีนี้ โครงการขนาดใหญ่จะมีการเซ็นสัญญาได้ภายในครึ่งปีแรก และเม็ดเงินจะเริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2558 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.9% เพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้เดิม 2.8% เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะแถลงตัวเลขเป็นทางการอีกครั้ง ขณะที่ตัวเลขการส่งออกปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าติดลบ 5.8% เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะติดลบ 5% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกัน แต่ปัญหาการส่งออกเป็นปัญหาทั้งโลกในบางประเทศติดลบ 7-10%
ทั้งนี้ วัน 28 ม.ค. กระทรวงการคลังเตรียมแถลงตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจประจำปี 2558 “คลังจะปรับประมาณการปี 2559 เพิ่ม โดยพิจารณาจากปัจจัยที่มีผลกระทบจากด้านต่าง ๆ ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดจีดีพีโลกลง 0.2% และราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทผันผวน รวมถึงการส่งออกของประเทศชะลอตัว รวมทั้งพิจารณาปัจจัยบวกจากการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณและเร่งรัดการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของรัฐบาล และการอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจฐานราก”