นายสนธิรัตน์ สนธิรวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างนายโตกิฮิโระ นากามูระ ผู้ว่าราชการจังหวัดเอฮิเมะประเทศญี่ปุ่นกับนายสมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)
นายสมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)
การลงนามร่วมกันครั้งนี้ จะนำไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต่อเรือ สิ่งทอ กระดาษ เคมีภัณฑ์ปิโตรเลียมและถ่านหิน อุตสาหกรรมเหล็ก และเครื่องจักรอุตสาหกรรม เป็นต้น เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคตของไทย หรือ New S-curve
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมในประเทศไทย และมีการลงทุนสูงถึงร้อยละ 40 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด โดยในปี 2557 พบว่า การลงทุนของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 150,000 ล้านบาท การลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทยที่จะได้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น และก่อให้เกิดการรวมกลุ่มของการลงทุนในลักษณะคลัสเตอร์อุตสาหกรรมในประเทศไทยต่อไป
นายสมชายกล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนจากจังหวัดเอฮิเมะ ลงทุนในประเทศไทยแล้ว 15 บริษัท ได้แก่ เครื่องจักรกลการเกษตร อาหารแปรรูป พลาสติกและเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งมียอดลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทรวมถึงยังมีอีก 9 บริษัท สนใจร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กสอ.จะเน้นขยายความร่วมมือไปยังจังหวัดและเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นต่อไป
ก่อนหน้านี้ กสอ.ได้ร่วมมือกับ จ.ทอตโทริ และ จ.ไอจิประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นสูงให้เข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งมีผู้ประกอบการจาก 2 จังหวัดนี้เข้ามาหารือถึงลู่ทางการลงทุนในไทยแล้ว 2-3 ราย และยังได้จับมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล ในการวิจัยและพัฒนาร่วมกันซึ่งระยะแรกจะเน้นการผลิตเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ เช่น เครื่องพ่นยาหืดหอบ ถุงน้ำเกลือถุงปัสสาวะ ถุงเลือด และสายยางทางการแพทย์ต่างๆ เป็นต้น เพื่อลดการนำเข้า นอกจากนี้ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น มีความร่วมมือในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียม เหล็กกล้า และแปรรูปอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ ฯลฯ