สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

'สมคิด' สั่งสถาบันเครือข่าย ก.อุตฯ เร่งปรับตัวรองรับ 9 คลัสเตอร์
28/12/2015
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล


นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อน 9 คลัสเตอร์อุตสาหกรรม ว่า หลังจากที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ได้กำหนดนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมในรูปแบบคลัสเตอร์ 9 กลุ่มอุตสาหกรรม ก็ได้มีแนวทางให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแผนการดำเนินงานเพื่อผลักดันนโยบายส่งเสริมคลัสเตอร์ให้ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ มีแนวคิดที่จะเพิ่มบทบาทสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ เนื่องจากทั้ง 3 สถาบันนี้ ดูแลในเรื่องหลักๆที่ปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ คือ นวัตกรรม มาตรฐาน และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของประเทศ โดยในปีหน้าจะมีความชัดเจนว่าจะปรับโครงสร้างการทำงานอย่างไร      

นอกจากนี้ จะให้สถาบันเครือข่ายในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมทั้ง 11 แห่ง ได้แก่ สถาบันยานยนต์ ,สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ,สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ,สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ,สถาบันอาหาร ,สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ,สถาบันพลาสติก ,สถาบันไทย-เยอรมัน ,สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ,สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ และสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย รวมทั้งสถาบันที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ปรับรูปแบบการดำเนินงานให้เข้ามาสนับสนุนทั้งทางด้านวิชาการ การบริหารจัดการอย่างเจาะจงทั้ง 9 คลัสเตอร์

โดยในสถาบันเหล่านี้ บางส่วนอาจจะต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มบทบาท เช่น สถาบันยานยนต์ อาจเปลี่ยนไปเป็นสถาบันอุตสาหกรรมการขนส่ง ที่จะรวมในเรื่องการส่งเสริมในการผลิตยานยนต์ รถไฟ  อากาศยาน และเรือ เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีเจ้าภาพในการให้ความช่วยเหลือ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าฯ จะเปลี่ยนไปเป็นสถาบันเหล็กและโลหะการ ที่จะเข้าไปพัฒนาวัสดุโลหะทุกชนิด แต่ทั้งนี้จะขอดูผลการทำงานอีก 3-4 เดือน ว่าจะแก้ไขปัญหาหนี้สินต่างๆได้หรือไม่ โดยล่าสุดก็สามารถแก้ปัญหาไปได้ในระดับหนึ่ง

นายศิริรุจน์ กล่าวว่า ในสวนของคลัสเตอร์ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ได้แก่ คลัสเตอร์หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม ,คลัสเตอร์อุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพ และคลัสเตอร์ชิ้นส่วนอากาศยาน โดยในคลัสเตอร์หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม จะมั่งเน้นในการพัฒนาระบบแขนกล และระบบอัตโนมัติต่างๆ รวมทั้งซอฟท์แวร์ในการควบคุม เนื่องจากอุตสาหกรรมของไทยจะต้องมุ่งการใช้หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติในกรผลิตมากขึ้นเรื่องๆ เพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน เพิ่มประสิทภาพการผลิต ซึ่งเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรมมีราคาแพง ดังนั้นจึงควรพัฒนาและผลิตภายในประเทศจะทำให้มีราคาถูกลง ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงได้ง่าย

"มอบหมายให้สถาบันไทย-เยอรมัน รวมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นผู้ดูแลและพัฒนา เพราะเป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไรเชิงธุรกิจ ประสานงานกับภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆในการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยทั้งระบบ ซึ่งจะทำให้ไทยมีเทคโนโลยีในการผลิตหุ่นยนต์ที่เป็นของตัวเอง และมีราคาถูกกว่าการนำเข้า" นายศิริรุจ กล่าว 

ส่วนคลัสเตอร์อุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพ จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย ได้แก่ ธุรกิจบริการทางการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ และอุตสาหกรรมยา โดยในกลุ่มบริการทางการแพทย์จะไปได้เร็วที่สุด เพราะไทยมีความพร้อมสูง ส่วนอุตสาหกรรมยาจะยากที่สุดแต่มีมูลค่าสูงที่สุด เพราะมีต้นทุนวิจัยพัฒนาสูง และยังติดกฎระเบียบต่างๆภายในประเทศอยู่มาก ดังนั้นเบื้องต้นจะต้องแก้ไขกฎระเบียนเหล่านี้ให้เอกชนสามารถดำเนินงานได้ก่อนก่อน รวมทั้งแก้ปัญหาการผูกขายยาขององค์การเภสัชกรรม เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องมือการแพทย์ ได้มอบหมายให้สถาบันพลาสติก เป็นผู้ดูและวิจัยพัฒนา เพราะอุปกรณ์การแพทย์ที่มุ่งเน้น ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ที่ทำมาจากพลาสติก และยางใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ซึ่งขณะนี้สถาบันพลาสติกก็ได้วิจัยพลาสติกชนิดใหม่ๆเพื่อผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้วหลายชนิด

ด้านคลัสเตอร์ชิ้นส่วนอากาศยาน ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าจะใช้พื้นที่บริเวณอู่ตะเภา โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน และอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน ซึ่งจะลงไปส่งเสริมผู้ผลิตชิ้นส่วนให้ต่อยอดไปสู่การผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน โดยจะต้องเปลี่ยนจากการใช้เหล็กมาเป็นโลหะผสมไททาเนียม หรืออลูมิเนียมในการผลิตชิ้นส่วน และจะต้องใช้ความแม่นยำในการผลิตที่มากขึ้น
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.