กนง.เสียงเอกฉันท์ คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% หลังประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นรับอานิสงส์รัฐกระตุ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดจีดีพี 59 โต 3% ภาคท่องเที่ยวลุ้นโกยรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง.ประชุมเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2558 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2558 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อย จากการใช้จ่ายภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่อง รวมถึงผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2559 ใกล้เคียงกับที่เคยประเมินไว้ โดยจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในวันที่ 25 ธ.ค.นี้
“การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินส่วนหนึ่ง และเพื่อเก็บกระสุนไว้ใช้ในยามที่จำเป็น โดยมองว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเอเชีย รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเห็นว่าการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง มีส่วนกระตุ้นการบริโภคและช่วยพยุงไม่ให้การบริโภคทรุดตัวลงมาก แม้ว่าเศรษฐกิจจะเผชิญหลายปัจจัยลบและทำให้ภาวะเงินฝืดมีจำกัด ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อจะกลับมาเป็นบวกในช่วงครึ่งแรกของปี 2559” นายจาตุรงค์กล่าว
น.ส.พิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2559 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยฉุดจากการส่งออกหดตัวสูง แต่เศรษฐกิจน่าจะรักษาอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตแบบปีต่อปี โดยมีปัจจัยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ส่งผลให้ในช่วงปลายปีนี้เศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น
ด้วยปัจจัยที่กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ศูนย์ฯ จึงประเมินว่า ในปี 2559 เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวที่ประมาณ 3% จากกรอบประมาณการ 2.5-3.5% จากปี 2558 ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณ 2.8% ภายใต้สมมติฐานหลักจากแรงหนุนจากการลงทุนภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกที่ 3.9% และการส่งออกไม่ติดลบ และจะขยายตัวได้ 2% จากปีนี้ที่คาดว่าจะหดตัว -5%
อย่างไรก็ตาม มองว่าช่วงครึ่งแรกปี 2559 เศรษฐกิจอาจจะฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ เนื่องจากการฟื้นตัวของการส่งออกและราคาโภคภัณฑ์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น การบริโภคยังเผชิญแรงกดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ประกอบกับรายได้ครัวเรือนภาคการเกษรตรยังลดลงจากปัญหาภัยแล้ง แต่คาดว่าช่วงครึ่งปีหลัง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยมีแรงบวกจากการผลักดันโครงการลงทุนของภาครัฐ ที่จะส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชนและการจ้างงาน
นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานคณะกรรมการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ หอการค้าไทย กล่าวว่า ในปี 2559 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยประมาณ 35 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1.65 ล้านล้านบาท รวมถึงมีรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศ 850,000 ล้านบาท แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงภาวะชะลอตัว แต่เชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มนิ่งและปรับตัวดีขึ้น และส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทยด้วย.