ดร.สมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของ กสอ. ว่า ขณะนี้ กสอ. ได้พิจารณาของบประมาณในปี 2560 เบื้องต้นไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ที่ได้รับงบประมาณ 1.4 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม กสอ.อยู่ระหว่างการปรับลดการของบประมาณลงให้ได้ 20% โดยจะเน้นในโครงการตามเป้าหมายของรัฐบาล และตัดงบในส่วนงานปกติลง ซึ่งในงบประมาณทั้งหมดนี้จะเน้นในส่วนของงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมคลัสเตอร์ 6 กลุ่ม และ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลกว่า 50% ส่วนที่เหลือจะใช้ในแผนงานต่อเนื่องต่างๆของ กรอ. โดยในปี 2559 กสอ.ได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาเอสเอ็มอีให้ได้ 2,435 กิจการ วิสาหกิจชุมชน 2,820 ราย ผู้ประกอบการและบุคลากรได้รับการพัฒนารวมจำนวน 14,845 คน
นอกจากนี้ จะส่งเสริม 4 อุตสาหกรรมดาวเด่น ที่สอดรับกับนโยบายคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของรัฐบาล ได้แก่
1.อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาขีดความสามารถอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอะไหล่ยานยนต์ โครงการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์รวมอะไหล่ของโลก
2.อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น กลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มน้ำยาเคมีและชุดตรวจวินิจฉัย และกลุ่มบริการและซอฟท์แวร์ทางการแพทย์ เป็นต้น
3. อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ที่จะเน้นการนำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่ม และพัฒนามาตรฐานในระดับสากล และดำเนินโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปโดยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางของเอเชียด้านนวัตกรรมอาหาร และ
4.อุตสาหกรรมแฟชั่น จะยกระดับทักษะองค์ความรู้ให้กับเอสเอ็มอี ตลอดจนการส่งเสริมการจัดประกวดหาดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ผลักดันแฟชั่นไทยสู่สากล ทั้งในเวทีระดับอาเซียนหรือระดับโลกต่อไป
สำหรับ 4 อุตสาหกรรมดังกล่าว มีมูลค่ารวมกันประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าการดำเนินการตามกลยุทธ์ดังกล่าวจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้กว่า 5-10% ในปี 2559
"กสอ. มีนโยบายในการสร้างศูนย์ออกแบบผลิตภัณฑ์ แฟชั่น และบรรจุภัณฑ์ และศูนย์ออกแบบวิศวกรรม เพื่อให้บริการปรึกษาแนะนำด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงเป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ เครื่องจักรและอุปกรณ์ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะถึงนี้ด้วย" นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ กสอ. ยังได้กำหนดยุทธศาสตร์หลัก (ปี 2559-2560 ) ในการส่งเสริมผู้ประอบการเอสเอ็มอี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสรรค์ มีเป้าหมายสร้างผู้ประกอบการใหม่ ภายใต้โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ และโครงการสร้างธุรกิจใหม่ โดยตั้งเป่าหมายสร้างผู้ประกอบการใหม่ให้ได้ไม่น้อยกว่า 2 พันราย ในปี 2559
ยุทธศาสตร์ที่ 2 ส่งเสริม จะมุ่งผลักดันผู้ประกอบการรายเดิมให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ และมีขีดความสามารรถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และต่อยอดออกไปสู่ตลาดต่างประเทศได้ ซึ่ง กสอ. มีโครงการพัฒนาเอสเอ็มอีรวมกันกว่า 70 โครงการ และยุทธศาสตร์ที่ 3 ซ่อมแซม จะมุ่งเน้นในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการฟื้นฟูกิจการ หรือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจ ทั้งในเรื่องกระบวนการผลิต การเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือการขาดแคลนแรงงานมีฝีมือ เป็นต้น โดยให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทราบจุดอ่อนและแก้ไขปัญหาของกิจการให้ตรงจุด
นอกจากนี้ กสอ. มีนโยบายในการสร้างศูนย์ออกแบบผลิตภัณฑ์ แฟชั่น และบรรจุภัณฑ์ และศูนย์ออกแบบวิศวกรรม เพื่อให้บริการปรึกษาแนะนำด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงเป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ เครื่องจักรและอุปกรณ์ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะถึงนี้ด้วย