นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมีเป้าหมายที่จะใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ไทยใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เบื้องต้นได้นำร่องพัฒนา 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, อาหาร, สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และไบโอพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ โดยการนำงานวิจัยและเทคโนโลยีด้านการผลิตต่างๆ เข้ามาใช้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในภาพรวมให้อุตสาหกรรมกลุ่มนี้ได้กว่า 15%
นายสมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า กสอ.จะเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงและให้คำปรึกษา แนะนำผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่านกิจกรรมการบริการเงินสมทบจ้างที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงการผลิตการจัดการ การผลิต และการบริการ โดยรัฐมีงบประมาณอุดหนุนรายละ 70,000บาท และกำหนดดัชนีชี้วัดประสิทธิผล 3 ด้าน คือ ยอดขายเพิ่มขึ้น 3-9% ตามขนาด/สภาพและประเภทกิจการ กิจการลดต้นทุนวัตถุดิบลง รวมถึงการการใช้พลังงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนด และในช่วงเดือนมกราคม 2559 กสอ. เตรียมจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือกับสถาบันการเงินกว่า 10 แห่ง เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการชั้นดี ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับประกอบกิจการให้สามารถเข้าถึงการกู้ยืมสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้สะดวกขึ้นโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เองมีเป้าหมายหลักในการใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ในการช่วยผู้ประกอบการเพิ่มรายได้เพิ่มขึ้น ลดต้นทุน และเพิ่มการจ้างงาน ภายใต้กรอบเวลาในการดำเนินงาน 5 ปี และ สวทช. เองจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ 50-60 คน และมีเครือข่ายนักวิจัยใน 10 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ มาช่วยเช่นกัน ซึ่งงบประมาณในการดำเนินงานทางรัฐบาลจะช่วยเหลือ 50% โดยเฉลี่ยทั่วไปจะอยู่ที่รายละ 2.5 – 3 แสนบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการ SMEs กล่าวว่า ตนได้เข้าร่วมกับโครงการ กสอ. มาเป้ฯเวลากว่า 1 ปีแล้ว ได้รับการพัฒนาเรื่องนวัตกรรมจาก สวทช. แต่การแนะนำเพื่อหาพาสเนอร์ให้ ซึ่งตนอยากให้ กสอ. และสวทช. สนับสนุนในสเต็ปที่ 2 ไปด้วย คือ การช่วยหาตลาดในต่างประเทศ เพราะตนมีความพร้อมที่จะขยายไปยังญี่ปุ่น โดยเฉพาะการจัดหาหน่วยงานกลางเพื่อช่วยเจรจาการค้าให้กับธุรกิจ SMEs ที่พร้อมไปลงทุนต่างประเทศ