
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ธันวาคม 2558 ครม.จะพิจารณาพ.ร.บ.กองทุนเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วน คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และมีผลบังคับใช้ในไม่ช้านี้
สำหรับกองทุนที่ตั้งขึ้นจะให้แรงจูงใจนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรม ที่รัฐบาลประกาศไปก่อนหน้านี้ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ หากเห็นว่ามีความจำเป็น โดยกองทุนจะให้แรงจูงใจนักลงทุน ทั้งการให้เงินเปล่า เช่น มีบริษัทเทคโนโลยีชั้นสูงจะเข้ามาลงทุนในไทยวงเงิน 100 ล้านบาท กองทุนนี้อาจจะสนับสนุนเงินให้เปล่า 50 ล้านบาท แต่มีเงื่อนไขว่านักลงทุนจะต้องลงทุนในส่วนของตัวเองก่อน 100 ล้านบาท แล้วกองทุนถึงจะให้เงิน 50 ล้านบาท เพื่อให้แน่ใจว่ามีการลงทุนจริง
นอกจากนี้ กองทุนยังสามารถให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่นักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เช่น นักลงทุนต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ย 7% กองทุนอาจจะช่วยจ่ายให้ 5% และนักลงทุนจ่าย 2% เป็นต้น ขณะเดียวกันกองทุนยังสามารถพิจารณาการสนับสนุนอื่นได้อีกมาก เช่น การลดภาษีให้กับผู้ที่เข้ามาทำงาน ซึ่งกองทุนจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีอนุกรรมการเจรจามีปลัดอุตสาหกรรมเป็นประธาน กับภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ต้องการให้มาลงทุน และเมื่อได้ผลการเจรจาต้องส่งให้กรรมการของกองทุนเป็นผู้อนุมัติ
นายสมชัยกล่าวว่า ในส่วนกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ วงเงิน 1 แสนล้านบาท คาดว่าจะนำเสนอ ครม.พิจารณาในสัปดาห์ถัดไป เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยสาระสำคัญของกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ จะเป็นกองทุนแบบเปิดในระยะยาวให้มีความคล่องตัวและต้องมีผลตอบแทนที่จูงในนักลงทุนทั้งต่างชาติและไทย ซึ่งในช่วงแรกระหว่างโครงการก่อสร้างพื้นฐานยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งกำลังก่อสร้างและกำลังเริ่มก่อสร้าง สามารถนำเงินไปลงทุนอย่างอื่นได้เพื่อให้กองทุนมีผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน
นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาโครงการที่จะมาใส่ไว้ในกองทุนซึ่งจะเป็นโครงการที่มีรายได้ในอนาคต เพื่อนำมาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน