เอเจนซีส์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ลงมติในวันจันทร์ (30 พ.ย.) รับรองเงินหยวนของแดนมังกร เข้าสู่ตะกร้าสกุลเงินสำรองหลักอย่างเป็นทางการ เท่ากับเป็นการยอมรับจีนในฐานะที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก
การที่คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟ ตัดสินใจเพิ่มเงินหยวนในตะกร้า “สิทธิพิเศษถอนเงิน” (Special Drawing Rights - SDR) ร่วมกับดอลลาร์ ยูโร ปอนด์ และเยน คราวนี้ ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของทางการจีน ในการนำเงินหยวนเข้าสู่ฐานะอันสำคัญในระบบการเงินโลก รวมทั้งเท่ากับทำให้นานาชาติแสดงการยอมรับความคืบหน้าในการปฏิรูประบบการเงินของแดนมังกร
ความสำเร็จคราวนี้บังเกิดขึ้น หลังจากที่ปักกิ่งมุ่งมั่นดำเนินมาตรการปฏิรูปหลายอย่างในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการเปิดรับผู้เล่นต่างชาติในตลาดปริวรรตเงินตรามากขึ้น การออกพันธบัตรและตั๋วเงินคลังถี่ขึ้น และการขยายระยะเวลาซื้อขายเงินหยวน
คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ ที่ร่วมกับพวกผู้เชี่ยวชาญของกองทุน ลงความเห็นสนับสนุนให้คณะกรรมการบริหาร รับเงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าเอสดีอาร์ แสดงความหวังว่า ความสำเร็จนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนว่า จีนจะต้องมุ่งมั่นปฏิรูปต่อไป
ด้านธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (พีบีโอซี) ซึ่งก็คือแบงก์ชาติแดนมังกร แถลงว่า ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายชาติ รวมถึงอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่า นานาชาติคาดหวังให้จีนรับบทบาทในระบบเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น
คำแถลงของธนาคารกลางจีนยังให้คำมั่นว่า จีนจะยังคงปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดเสรีการเงิน รวมถึงส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ปกป้องเสถียรภาพการเงิน และปรับปรุงยกระดับธรรมาภิบาลของเศรษฐกิจโลกต่อไป
ความเคลื่อนไหวนี้ยังถือเป็นความท้าทายให้จีนดำเนินนโยบายอย่างโปร่งใสเทียบเท่าสมาชิกอื่นๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อียู)
อี้ กัง รองผู้ว่าการพีบีโอซีแสดงความหวังว่า พัฒนาการนี้จะทำให้เงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น และไม่มีเหตุผลในการลดค่าเงินอีกต่อไปตามที่เทรดเดอร์บางคนคาด
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟยืนยันว่า กองทุนไม่มีนโยบายในการเปิดเผยบันทึกการลงคะแนนของคณะกรรมการ ทว่า แหล่งข่าววงในผู้หนึ่งเผยว่า มตินี้ได้รับการอนุมัติเป็นเอกฉันท์
หลังการลงมติคราวนี้ นับจากปีหน้าเป็นต้นไป เงินหยวนจะมีสัดส่วนอยู่ในเอสดีอาร์ 10.92% หลังจากการทบทวนสูตรน้ำหนักเงินในตะกร้า ขณะที่สัดส่วนของยูโรจะลดลง 6% อยู่ที่ 30.93%, ปอนด์และเยนลดลงเหลือ 8.09% และ 8.33% ตามลำดับ ส่วนดอลลาร์แทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 41.73% โดยสูตรเอสดีอาร์ใหม่ให้น้ำหนักกับพัฒนาการทางการเงิน และลดความสำคัญของการส่งออกลง หลังได้ถูกวิจารณ์มายาวนาน
สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนได้กล่าวในบทบรรณาธิการเมื่อวันอังคาร (1) ว่า การตัดสินใจของไอเอ็มเอฟเป็นการยอมรับอย่างชัดเจนถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของจีนในระบบเศรษฐกิจโลก ในฐานะประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 และผู้ค้ารายสำคัญของโลก และยอมรับว่า เงินหยวนมีเสถียรภาพเพียงพอ
ก่อนที่จะได้เข้าร่วมในตะกร้าสกุลเงินเอสดีอาร์ หยวนต้องพิสูจน์ตัวเองว่า เป็นสกุลเงินที่ “ใช้ได้อย่างเสรี” กล่าวคือสามารถชำระหนี้ได้ในนานาประเทศ และมีการซื้อขายอย่างกว้างขวางในตลาดปริวรรตเงินตรา ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่หยวนเคยสอบตกในการพิจารณาเมื่อปี 2010
การรวมเงินหยวนในเอสดีอาร์นับจากเดือนตุลาคมปีหน้า ถือเป็นความสำเร็จเชิงสัญลักษณ์อย่างชัดเจน โดยยังไม่มีแนวโน้มว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งผลทันทีทันใดกับตลาดเงิน
มัลคอล์ม พอลลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของสจ๊วร์ต แคปิตอล แอดไวเซอร์ ชี้ว่า กว่าที่ดอลลาร์จะสิ้นสุดบทบาทสกุลเงินสำรองของโลกอย่างที่จีนคาดหวัง ก็ต้องรอให้มีสกุลเงินอื่นที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์มั่นคงเทียบเท่าดอลลาร์เสียก่อน
ส่วน มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสแสดงความเห็นว่า ผลลัพธ์จากเรื่องนี้ ย่อมครอบคลุมถึงการที่สกุลเงินของจีน และสินทรัพย์สกุลหยวนจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ และบรรดาผู้จัดการกองทุนต่างชาติพากันปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อสะท้อนสถานะใหม่ของหยวน รวมถึงแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เงินหยวนมากขึ้น มูดี้ส์ยังคาดว่า ผู้ออกหุ้นกู้ชาติอื่นๆ ในจีนจะออกหุ้นกู้สกุลเงินหยวนเพิ่มขึ้น รวมทั้งหวังว่า ปักกิ่งจะเพิ่มโควตาสำหรับช่องทางการลงทุนข้ามพรมแดน
กระนั้น นักวิเคราะห์เชื่อว่า นักลงทุนจะยังคงหวาดระแวง ตราบที่จีนยังไม่เปิดเสรีการควบคุมเงินทุนอย่างสมบูรณ์ หรือลอยตัวเงินหยวนอย่างเสรี
นอกจากนั้น ไอเอ็มเอฟยังระบุว่า อัตราดอกเบี้ยของจีนที่สูงกว่าชาติอื่นๆ มีแนวโน้มทำให้อัตราดอกเบี้ยเอสดีอาร์ขยับขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับลูกหนี้บางรายของไอเอ็มเอฟสูงขึ้นตามไปด้วย