“ไทย ซับคอน” ประกาศแผนปี 2559 เพิ่มสมาชิกโต 1 พันราย เด้งรับนโยบายรัฐ เตรียมยกระดับเอสเอ็มอีตื่นตัวตามอุตสาหกรรมใหม่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยี เล็งจับคู่พันธมิตรตลาดใหม่ พร้อมมองโอกาสจับคู่เอสเอ็มอีด้านอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ในญี่ปุ่น บีโอไอลั่นทุนเอสเอ็มอีจากญี่ปุ่นเกือบ 20 รายรอจับคู่ธุรกิจ
นายสมเกียรติ ชูพรรคเจริญ นายกสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย หรือไทย ซับคอน(Thai Subcon) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงเป้าหมายของสมาคมในปี 2559 ว่า มีแผนจะเพิ่มสมาชิกจาก 430 รายเป็น 1 พันราย ทั่วประเทศ โดยสมาชิกส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ พลาสติก ยาง และอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ที่ผลิตเพื่อซัพพอร์ตผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่อีกทอด โดยมีเป้าหมายว่าจะจัดกิจกรรมให้สมาชิกตื่นตัว โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต พยายามให้ผู้ประกอบการเปิดโลกทัศน์เพื่อขยายตลาด รู้และเข้าใจวิธีบริหารองค์กรให้ก้าวทันต่อตลาด นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในภูมิภาคนี้ได้
รวมถึงมีแผนจับคู่กับพันธมิตรในตลาดใหม่ เช่น แอฟริกา อเมริกาใต้ ซึ่งที่ผ่านมาสมาคมได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ในการสนับสนุนการทำกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ จากที่ในแต่ละปีจะมีกิจกรรมจับคู่กันมากกว่า 10 ครั้งต่อปี โดยที่ผ่านมาจะเป็นการเน้นจับคู่กับพันธมิตรในกลุ่มอาเซียน รวมถึงญี่ปุ่น และประเทศในโซนยุโรปโดย 4-5 ปีที่ผ่านมา จับคู่ได้แล้วกว่า 10 บริษัท ที่ร่วมทุนระหว่างไทยกับต่างชาติ
นอกจากนี้ภายในปีหน้าไทย ซับคอน ยังมองถึงโอกาสที่จะขานรับนโยบายรัฐบาลโดยการนำสมาชิกออกไปจับคู่กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเวลานี้มีอีกจำนวนมากที่ต้องการหาพันธมิตรร่วมทุนกับไทย
ด้านนางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่าเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น ได้นำคณะนักลงทุนญี่ปุ่นเกือบ 20 ราย จากกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักร และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยายนต์เข้าพบบีโอไอ โดยมีจุดประสงค์ต้องการจับคู่กับนักธุรกิจไทยโดยผ่านหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม(BUILD) ในการเป็นพันธมิตรร่วมทุนกัน
ทั้งนี้ความสำเร็จจากการจับคู่ทางธุรกิจหรือแมตชิ่งกันจะทำให้อุตสาหกรรมไทยแข็งแรงขึ้นโดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มเอสเอ็มอีไทย ที่หน่วย BUILD สามารถทำให้เกิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมและเกิดการขยายตลาดได้มากขึ้น
สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้นางสาวซ่อนกลิ่น พลอยมี ผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม(BUILD) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมงานมหกรรมเครื่องจักรกล และเทคโนโลยีโลหการระดับอาเซียน “เมทัลเล็กซ์ 2015” ซึ่งผลของกิจกรรม Business Matching ที่หน่วย BUILD จัดขึ้น ระหว่างผู้ประกอบการไทยและบริษัทจากเมืองมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น เกิดการเจรจาธุรกิจจำนวน 24 คู่ มูลค่าการเชื่อมโยงประมาณ 465 ล้านบาท