วิเวียน กิลแมน ผู้แทนการค้าประจำประเทศไทยและเวียดนามของบิสซิเนส สวีเดน สภาการค้าและการลงทุนของสวีเดน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ประเทศไทยนับเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่ดีมาก โดยบริษัทของสวีเดนเข้ามาทำธุรกิจภายในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าการเติบโตในช่วงที่ผ่านมาอาจจะชะลอตัวลง แต่หลายบริษัทมองอนาคตข้างหน้าในทิศทางบวก เพราะเชื่อมั่นประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค และตราบใดที่ไทยสามารถใช้ตำแหน่งของการแข่งขันในปัจจุบันสร้างการเติบโตเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาซียน (เออีซี) จะยิ่งเป็นการสร้างโอกาสที่ดียิ่งขึ้น
กิลแมนกล่าวต่อไปว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย เพื่อสร้างความสามารถการแข่งขันในเวลาที่เออีซีกำลังจะเกิดขึ้น ประเทศไทยต้องเติบโตมากขึ้นในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิต ประกอบกับการเสริมทักษะให้กับแรงงาน ซึ่งบริษัทของสวีเดนมีศักยภาพที่เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคการผลิตของไทย เช่น การลดต้นทุนการผลิตด้วยเครื่องมือที่มีคุณภาพสูงขึ้น ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์จากบริษัทสัญชาติสวีเดน
ปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตเป็นภาคส่วนที่บริษัทจากสวีเดนเข้ามาทำธุรกิจในไทยเป็นจำนวนมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายธุรกิจที่บริษัทสัญชาติสวีเดนเข้ามามีบทบาท อาทิ ด้านสุขภาพ ทั้งในส่วนของอุปกรณ์การแพทย์และเทคโนโลยีการแพทย์สำหรับโรงพยาบาล ด้านยานยนต์ และระบบขนส่ง เป็นต้น
“สำหรับในอนาคต คิดว่าจะเห็นธุรกิจประเภทธุรกิจสู่ผู้บริโภคเข้ามามากขึ้น เนื่องจากตลาดคอนซูเมอร์ในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เรามีบริษัทอย่าง H&M และ IKEA เข้ามาแล้ว ขณะเดียวกันก็มองเห็นบริษัทในเซกเมนต์เหล่านี้จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มองมาที่ตลาดไทย” กิลแมนกล่าว
นอกเหนือจากธุรกิจค้าปลีก กิลแมนมองว่า เทคโนโลยีสำหรับอนาคต อาทิ เทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ (smart city) หรือเทคโนโลยีสะอาด ซึ่งเป็นด้านที่ไทยมีแผนจะลงทุนหรือลงทุนบ้างแล้วแต่จะลงทุนมากขึ้นในอนาคตนั้น ก็เป็นอีกด้านที่มีโอกาสสำหรับบริษัทจากสวีเดน และภาคธุรกิจของสวีเดนเองก็มีความแข็งแกร่งในธุรกิจเหล่านี้
“บริษัทสวีเดนจำนวนมากเข้ามาแล้ว และไม่คิดจะออกจากตลาดไทย บริษัทที่เราคุยด้วยมีการพูดถึงการขยายธุรกิจและการลงทุน ขณะที่หลายบริษัทใหม่ที่ยังไม่มาก็มองหาช่องทางที่จะเข้ามาลงทุน คิดว่าเวลานี้มีความไม่แน่นอนในตลาด แต่โดยรวมแล้วบริษัทส่วนใหญ่ที่เราพูดคุยด้วยมองอนาคตในแง่บวก” กิลแมนกล่าว
ส่วนหลังการเปิดเออีซี กิลแมนให้ความเห็นว่า ทุกประเทศในภูมิภาคต้องการเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดอาเซียนที่กำลังจะกลายเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นจึงคิดว่าขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะผลักดันแต่ละภาคส่วนธุรกิจอย่างไร อุดหนุนการลงทุนอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวตัดสินว่าหลังเออีซีไทยจะได้ประโยชน์อย่างไร แต่คิดว่าไทยมีจุดเริ่มต้นที่ดี
ทั้งนี้ จากข้อมูลของบิสซิเนส สวีเดน การส่งออกของสวีเดนมายังประเทศไทยในปี 2557 มีมูลค่าประมาณ 3.9 พันล้านโครนสวีเดน (ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม ขณะที่การส่งออกจากไทยไปสวีเดนคิดเป็นมูลค่า 3.8 พันล้านโครนสวีเดน (ประมาณ 1.57 หมื่นล้านบาท) โดยเป็นสินค้าจำพวกอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เป็นต้น