สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในบันทึกการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ซึ่งเปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของอีซีบีแสดงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน และผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในจีนและตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ที่มีต่อยุโรป ทำให้มีการพิจารณาการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี การที่ความต้องการภายในประเทศมีความแข็งแกร่งขึ้นและเจ้าหน้าที่ของอีซีบีเล็งเห็นว่าจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม อีซีบีจึงตัดสินใจไม่ออกมาตรการใดๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมครั้งที่ผ่านมา เพียงแต่สื่อสารให้ตลาดทราบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 3 ธันวาคม
หนึ่งในความกังวลใจหลักของอีซีบี คือความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำเกินไปเป็นเวลานานเกินไป ลดทอนความเชื่อมั่นของตลาดว่าอีซีบีจะสามารถดึงเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับเป้าหมายใกล้เคียง 2% ได้ “สมาชิกชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงด้านลบยังคงมีอยู่ชัดเจน และมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขึ้น” บันทึกการประชุมระบุ
นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมเดือนตุลาคมว่า ทางธนาคารอาจจะเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมวันที่ 3 ธันวาคม โดยมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขนาดของการซื้อพันธบัตร หรือมาตรการคิวอี จากปัจจุบัน 1.1 ล้านล้านยูโร อีกทั้งมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนที่ธนาคารพาณิชย์นำมาฝากกับอีซีบีจากระดับเดิม – 0.2%
คำแถลงของนายดรากีทำให้นักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดหมายว่าอีซีบีจะเพิ่มมูลค่าการซื้อพันธบัตรจากเดิม 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน หรือยืดเวลาของมาตรการคิวอีออกไปจากกำหนดสิ้นสุดเดิมคือกันยายน 2559 รวมถึงลดดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนลงอีกจากเดิมที่อยู่ในระดับติดลบ หรือหมายความว่าธนาคารพาณิชย์ต้องจ่ายเงินเพื่อฝากเงินกับอีซีบีอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจและครัวเรือนมากขึ้น
“โดยรวมแล้ว บันทึกการประชุมสนับสนุนความคาดหมายของเราอย่างหนักแน่นว่ามาตรการซื้อพันธบัตรของอีซีบีจะถูกขยายขึ้นในการประชุมเดือนธันวาคม” นายโจนาธาน ลอยน์ส นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทที่ปรึกษา แคปิตอล อีโคโนมิกส์ กล่าวในรายงานวิจัย โดยลอยน์สคาดการณ์ว่า อีซีบีจะเพิ่มมูลค่าการซื้อพันธบัตรเป็น 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนเป็นอย่างน้อย และลดดอกเบี้ยลงอีก 0.1-0.2%
นอกจากนี้ บันทึกการประชุมยังระบุถึงความอ่อนแอของตลาดเกิดใหม่ ราคาน้ำมันต่ำ และความไม่แน่นอนของเส้นทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่อาจส่งผลให้นโยบายของอีซีบีไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่ในการกระตุ้นเงินเฟ้อ