นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคปปิตอลหรือ GCAP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ระยะเวลา 5 ปี วงเงิน 100 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และรองรับการขยายธุรกิจในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 ทั้งนี้บริษัท ได้รับใบอนุญาต ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (Nano Finance) และใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ (Personal loan) จากกระทรวงการคลัง ซึ่งจะเป็นการขยายช่องทางในการทำธุรกิจของบริษัทมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทมองหาพันธมิตรเพิ่มและเตรียมออกโครงการสินเชื่อสวัสดิการ พนักงานให้กับ พนักงานบริษัทที่เป็นพันธมิตร คู่ค้า ฯลฯ เสมือนเป็นสวัสดิการโดยคิดดอกเบี้ยอัตราพิเศษและแถมความคุ้มครองเงินต้น โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันโดยจะเริ่มให้บริการในไตรมาส 4 และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2558 บริษัทจะเน้นปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลทางการเกษตรเกี่ยวกับพืชไร่ และสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น หลังได้รับใบอนุญาตนาโนไฟแนนซ์เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับสินเชื่อเกี่ยวกับเครื่องจักรกลทางการเกษตร ประเภทการทำนา มีการชะลอตัว หลังลูกค้าในกลุ่มเกษตรกรได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งเพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงมีนโยบายกระจาย ความเสี่ยงไป ยังผลิตภัณฑ์ ทางการเงินอื่น เช่น การปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล และนาโนไฟแนนซ์ เพราะเราได้เปรียบจากฐาน ข้อมูลลูกค้า กลุ่มเกษตรกร ที่ส่วนใหญ่ เป็นลูกค้าชั้นดี และอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรเพิ่มเติม เพื่อขยายธุรกิจและปล่อยสินเชื่อเกี่ยวกับเครื่องจักรกลด้านการเกษตรอื่นเพิ่ม ส่วนไตรมาส 4 จะเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปีคาดว่าจะส่งผลดีต่อรายได้ของลูกค้า ที่จะมีการชำระเงินเข้ามาเพิ่มขึ้น จะเป็นผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทด้วย
ผลประกอบการในงวดไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้รวม 40.61 ล้านบาท มีกำไร สุทธิ11.21 ล้านบาท สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ สิ้นไตรมาส 3อยู่ที่15% ขณะที่สิ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 14% และเชื่อว่าภาวะภัยแล้งที่บรรเทาลง ประกอบกับช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีรายได้ จำนวนมากจะช่วย ให้NPL ลดลงเช่นปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลประกอบการสำหรับงวดเก้าเดือนของบริษัท มีกำไรสุทธิ 40.95 ล้านบาท คิดเป็น 0.20 บาทต่อหุ้นมีสินทรัพย์รวม 962.06 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีกำไรสุทธิ 45.40 ล้านบาท ลดลง 9.7%
นอกจากนี้ในไตรมาส 3/2558 บริษัทได้รับการคัดเลือกเป็น บริษัทจดทะเบียนในหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment) ในงาน SET SUSTAINABILITY AWARDS 2015 จากการดำเนินธุรกิจที่มีความโดดเด่น ด้านการจัดการ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG ; Environment Social Governance) และบริษัทได้รับการประเมิน ด้านการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance) ในระดับ 3 ดาวและมีคะแนนการประเมินอยู่ในระดับ Top Quartile ของบริษัท ที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท อีกด้วย