สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ปรับประมาณการจีดีพีใหม่16 ธ.ค. ธปท.สาขาติดตามปัจจัยบวก-ลบเศรษฐกิจรายภูมิภาค
13/11/2015
ข่าวเศรษฐกิจ
กนง.ชี้แนวโน้มความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกเห็นชัดมากขึ้นโดยเฉพาะการชะลอตัวของจีนและเอเชีย เตรียมปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจใหม่ 16 ธ.ค. นัดประชุมรอบสุดท้ายของปี 58 ขณะที่ภาคเหนือ-ใต้และตะวันออกเฉียงเหนือยังติดตามปัจจัยบวก-ลบในช่วงที่เหลือ

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั่งเป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการใหม่ อาทิ นายอภิชัย บุญธีรวร โดยภายหลังการประชุม นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการบอร์ด กนง. เปิดเผยว่ากนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% ต่อปี โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3/2558 ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ใกล้เคียงกับที่เคยประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน ซึ่งอุปสงค์ภายในประเทศปรับดีขึ้นเล็กน้อย ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทน และการลงทุนของบางสาขาธุรกิจ ขณะที่ปัจจัยลบจากต่างประเทศมีมากขึ้น โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และเอเชีย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกไทย และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่มีแนวโน้มที่จะทยอยปรับสูงขึ้นคาดว่าจะกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาสที่ 1/2559 อย่างไรก็ตามบอร์ด กนง. เห็นว่านโยบายการเงินยังควรอยู่ในระดับผ่อนปรนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นไปในทิศทางไม่ตรงกันมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบางไม่กี่ประเทศได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเช่น จีน อินเดีย ไต้หวัน และนอร์เวย์ นอกนั้นประเทศอื่นยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนความเสี่ยงทางด้านความผันผวนของตลาดการโลกเป็นปัจจัยหนึ่งที่ กนง. ให้การติดตามอยู่อย่างใกล้ชิด

“บอร์ด กนง. ประเมินว่าภาวะการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนยังเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ข้อจำกัดในเชิงโครงสร้าง และภาวะตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปัจจุบันยังติดลบอยู่ที่ -0.4%” เลขานุการบอร์ด กนง. กล่าวและว่า

ทั้งนี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีไตรมาสที่ 3/2558 เชื่อว่าจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ระดับ 3% โดยมองว่าความเสี่ยงที่เห็นชัดเจนมากขึ้นมาจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งเกิดจากการชะลอของเศรษฐกิจจีน และเอเชีย โดยในการประชุมรอบต่อไปในวันที่ 16 ธันวาคม 2558 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของปีนี้ คณะกรรมการจะมีการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจใหม่ ซึ่งจะมีการนำปัจจัยในด้านดังกล่าวเข้ามาร่วมพิจารณามากขึ้น รวมถึงผลของมาตรการทางด้านการคลัง



สำหรับภาวะเศรษฐกิจและการเงินรายภูมิภาคเดือนกันยายน 2558 จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า ภาพรวมของภาคเหนือยังทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน ส่วนการบริโภคปรับดีขึ้นในกลุ่มสินค้าจำเป็นและสินค้าคงทนประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น 1.6% ซึ่งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในหมวดหลักได้แก่สินค้าจำเป็นของนักท่องเที่ยว ภาคบริการและการก่อสร้างภาครัฐ

อย่างไรก็ตามภาคครัวเรือนโดยรวมยังระมัดระวังการใช้จ่าย เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังไม่ดีขึ้น ส่วนภาคการท่องเที่ยว ขยายตัวในเกณฑ์ดีโดยเฉพาะการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีน ด้านการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐเพิ่มขึ้น 26.6% จากการก่อสร้างต่อเนื่อง ขณะที่มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลอยู่ในระยะเริ่มต้น

เช่นเดียวกับดัชนีการลงทุนภาคเอกชนยังหดตัว 3.5% เป็นผลจากการซบเซาของภาคอสังหาริมทรัพย์และการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมบางประเภทยังไม่ผลิตเต็มศักยภาพ มีส่วนให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มีการลงทุนใหม่ โดยยังรอความชัดเจนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและผลของมาตรการภาครัฐ

สำหรับรายได้เกษตรกรยังลดลงต่อเนื่อง โดยผลผลิตสินค้าเกษตรหดตัว 9.1% ซึ่งผลผลิตต่อไร่ของพืชสำคัญ ลดลง ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สับปะรดและลำไย เนื่องจากปริมาณน้าฝนน้อยกว่าปกติ แต่ผลผลิตปศุสัตว์ ยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรลดลง 2.0% ด้านดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม แม้ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังลดลงเล็กน้อย 0.7% ตามการผลิต เพื่อส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และสิ่งทอที่ความต้องการของประเทศคู่ค้าลดลง ส่วนมูลค่าการส่งออกลดลง 5.5% ที่สำคัญเป็นการลดลงในสินค้าประเภทชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัว ด้านมูลค่าการนำเข้าลดลงต่อเนื่องเป็น 10.3% ตามการลดลงการนำเข้าวัตถุดิบ และสินค้าขั้นกลางที่ใช้ในการผลิต และส่งออกเช่นเดียวกับเดือนก่อน

ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลงจากเดือนก่อนเหลือ 1.73% อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำที่ 0.7% ด้านเงินให้สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558 มียอดคงค้าง 6.14 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% ตามความต้องการสินเชื่ออุปโภคบริโภคประเภทที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ในธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ค้าวัสดุและรับเหมาก่อสร้างงานภาครัฐ

ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 0.9% ขณะที่กำลังซื้อจากรายได้เกษตรกรทรงตัวจากผลของราคาเป็นสำคัญ โดยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับดีขึ้นบ้างอยู่ที่ระดับ 40.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่อยู่ในระดับ 36.0 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ดัชนีมูลค่าผลผลิตพืชสำคัญลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 1.0% เป็นผลจากด้านราคาเป็นสำคัญ โดยเฉพาะราคามันสำปะหลังชะลอลงจากเดือนก่อน ด้านการใช้จ่ายงบลงทุนภาครัฐ ทรงตัว แต่ชะลอลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยตามการเบิกจ่ายในหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างของกรมชลประทาน และกรมทางหลวง และการเบิกจ่ายในหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ลดลงจากการเร่งเบิกจ่ายในช่วงก่อนหน้า

ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 0.5% และลดลงใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลขยายตัวต่อเนื่องจากการก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์ และการก่อสร้างเพื่อการบริการ สำหรับการผลิตเพื่อการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) ปรับตัวดีขึ้นบ้างจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 75.5 ลดลงต่อเนื่องจากระดับ 78.4 ในเดือนสิงหาคม

“เสถียรภาพเศรษฐกิจนั้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ 1.32% แต่ติดลบน้อยลงจากเดือนก่อน จากราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด และอาหารสำเร็จรูปโดยเฉพาะอาหารบริโภคในบ้านที่มีราคาสูงขึ้น อีกทั้งราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงที่หดตัวน้อยลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.89% สูงขึ้นจากเดือนก่อน การว่างงานยังอยู่ ในระดับต่ำที่ 0.5% ส่วนภาคการเงิน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม สินเชื่อคงค้างขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนตามความต้องการใช้สินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้นที่เพิ่มมากขึ้น”

ภาคใต้โดยรวมชะลอลงจากเดือนก่อน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวเอเชียเป็นสำคัญ สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นทั้งฝั่งอันดามัน อ่าวไทย และภาคใต้ตอนล่าง อย่างไรก็ตามหากปรับฤดูกาลแล้วนักท่องเที่ยวจีนชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากความไม่มั่นใจและกังวลต่อสถานการณ์ระเบิดที่กรุงเทพฯ แต่คาดว่าเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ส่วนนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีวันหยุดในช่วงเทศกาลฮารีรายอ ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือน ตามการเบิกจ่ายงบลงทุนที่มีการเร่งเบิกจ่ายเงินก่อนสิ้นปีงบประมาณ

ด้านรายได้เกษตรกรยังอยู่ในระดับต่ำจากแรงกดดันด้านราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงทั้งยาง ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาว ส่วนการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนยังอ่อนแอ โดยเฉพาะยอดขายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคและบริการ ซึ่งสะท้อนถึงครัวเรือนยังมีความระมัดระวังการใช้จ่าย เนื่องจากรายได้ภาคเกษตรยังหดตัว ส่งผลให้ความเชื่อมั่น ผู้บริโภคภาคใต้ลดมาอยู่ที่ระดับ 21.4 ต่ำสุดในรอบ 20 เดือน ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเดือนเดียวกันปีก่อนจากอุปสงค์คู่ค้าหลัก ส่วนการส่งออกเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหดตัวจากทั้งด้านปริมาณและราคา ส่งผลให้มูลค่า ด้านมูลค่าการนำเข้าลดลงทุกหมวด ได้แก่ เครื่องจักรอุปกรณ์ อุปกรณ์ก่อสร้าง สัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงตามราคาตลาดโลก

เสถียรภาพเศรษฐกิจนั้น อัตราการว่างงานปรับฤดูกาลอยู่ที่ 0.85% ดีขึ้นจาก 1.23% ในเดือนก่อน ตามการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในภาคการผลิตและบริการ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงติดลบที่ 1.39% ตามราคาพลังงานที่ลดลง ด้านเงินให้สินเชื่อหดตัว 4.4% เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงการบันทึกบัญชีไปยังสานักงานใหญ่ของ สถาบันการเงินบางแห่ง อย่างไรก็ตามภาพรวมการให้สินเชื่อมีทิศทางดีขึ้น ส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจมียอดเงิน ฝากและเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 6.0% และ 9.9% ตามลำดับ
ที่มาของข่าว: ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.