สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ครม.เคาะ 2 แพ็กเกจปลุกลงทุน : ขยายกรอบสิทธิประโยชน์ของบีโอไอ-คลังเพิ่ม ลดหย่อนภาษี2เท่า
08/11/2015
ข่าวเศรษฐกิจ


คณะรัฐมนตรี ไฟเขียวมาตรการพิเศษกระตุ้นการลงทุน หากเอกชนดำเนินการภายในปี’59 ประมาณ 70% ของโครงการได้สิทธิประโยชน์ จากบีโอไอ เพิ่มขึ้นอีก 4 ปี กรณีที่ไม่ได้ บีโอไอ คลังจะเพิ่มการลดหย่อยภาษีให้เป็น 2 เท่า สำหรับการลงทุน เครื่องจักร คอมพิวเตอร์สิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ พร้อมเคาะ “พีพีพีฟาสต์แทร็ค” นำร่อง 6 โครงการ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ครม.เห็นชอบหลักการตามที่กระทรวงการคลัง กับบีโอไอเสนอ โดยกำหนดออกมา 2 แพ็กเกจ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในปีนี้และปีหน้า ในส่วนของบีโอไอนั้น หากผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอยู่แล้ว และมีการลงทุน 70% ในช่วงมกราคม 2557-มิถุนายน 2559 จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ภาษีเพิ่มขึ้นอีก 4 ปี และหากลงทุนได้ 50% จากโครงการรวมทั้งหมด จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ 3 ปี

นอกจากนี้หากลงทุนไม่ทันตามระยะเวลาที่กำหนด แต่ยังสามารถลงทุนได้ภายในธันวาคม 2559 จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 2 ปี แต่หากลงทุนได้ในปี 60 จะได้รับสิทธิทางภาษี 1 ปี ซึ่งมองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความสามารถลงทุนได้เร็วจะได้รับการส่งเสริมมากขึ้น แต่ทั้งหมดจะต้องไม่เกิน 8 ปี

สำหรับแพ็กเกจของกระทรวงการคลัง และไม่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ แต่มีการลงทุนในปีนี้และปีหน้า ทางกระทรวงการคลังจะให้สิทธิประโยชน์หักลดหย่อนภาษีจากการลงทุนเป็น 2 เท่า คือที่เกี่ยวกับเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ คอมพิวเตอร์ สิ่งปลูกสร้าง และรถยนต์ ซึ่งจะมีผลดีกับอุตสาหกรรมยานยนต์

อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการที่
ได้รับบัตรจากบีโอไอให้เลือกว่าจะรับสิทธิประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องแจ้งความประสงค์กับทางกรมสรรพากรภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าภาคเอกชนจะมีการเร่งลงทุนมากขึ้นในปีนี้ และปีหน้า และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้

นายอภิศักดิ์กล่าวว่า ครม.ยังเห็นชอบหลักการที่ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐหรือ พีพีพี โดยการตั้งเป็น พีพีพี ฟาสต์แทร็ค รวมหน่วยงานทั้งหมดมาดำเนินการในเวลาเดียวกัน เพื่อลดขั้นตอนการลงทุน จากจะต้องใช้เวลา 1 ปี 10 เดือน เป็นเหลือ 9 เดือน เพื่อรองรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

สำหรับโครงการนำร่องเข้าร่วม พีพีพี ฟาสต์แทร็ค มี 6 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) 2.รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง 3.รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ 4.โรงงานขยะ อบจ.นนทบุรี 5.โรงงานขยะนครราชสีมา 6.โครงการ Maritime business center (กทม.) รวมมูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 347,570 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังได้เห็นชอบตามข้อเสนอของ กระทรวงการคลัง ในการขยายระยะเวลาการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา สำหรับการซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว( LTF) จากเดิมกำหนดสิ้นสุดการลดหย่อนในปี’59 ขยายเวลาออกไปอีก 3 ปี และได้ปรับเงื่อนไขการถือครองจากเดิมนับตั้งแต่วันซื้อกองทุน เพื่อถือครองหน่วยลงทุนจากเดิม 5 ปี เพิ่มเป็น 7 ปี โดยสามารถซื้อวันที่ 31 ธ.ค.ของปีแรกในการซื้อ และขายในวันที่ 1 ม.ค.ของปีที่ 7 สามารถนับเป็น 7 ปีได้ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการออมเงินในระยะยาวและสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่ กระทรวงการคลัง ร่วม กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอเรื่องให้พิจารณาในเรื่องมาตรการจูงใจพิเศษเพื่อกระตุ้นการลงทุน และประเด็นของเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยจะปรับเปลี่ยนเป็นคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ จากเดิมเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษ

“กระทรวงการคลังมองว่าขณะนี้นักลงทุนยังมีความลังเลในการตัดสินใจลงทุน เพราะสถานการณ์ทางการเมืองไม่แน่นอน จึงได้ออกมาตรการเพื่อให้มีการจูงใจพิเศษ เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่าย เพราะตอนนี้นักลงทุนชั่งใจเพราะรอปัจจัยทางการเมือง ส่วนเรื่องภาษีเขาไม่ได้กังวลอะไร” นายสมคิด กล่าว
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.