ธนาคารกลางแห่งประเทศญี่ปุ่น (บีโอเจ) ยืนยันเศรษฐกิจยังเดินหน้าตามเป้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่ยังใช้ได้ดี เป้าหมายเพิ่มเงินเฟ้อเป็น 2% ไม่ไกลเกินเอื้อม ไม่มีเหตุให้ต้องนำมาตรการใหม่ๆ มาใช้เพิ่มเติม เป็นการดับฝันหลายฝ่ายที่ออกมาวิจารณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ว่า ญี่ปุ่นควรจะต้องประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมได้แล้ว
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวยืนยันหลังการประชุมของบีโอเจเมื่อเร็วๆ นี้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในปัจจุบันถือว่าเพียงพอที่จะผลักดันเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% นอกจากนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาถือว่าแข็งแรง สะท้อนจากผลกำไรของภาคธุรกิจเอกชนอยู่ในเกณฑ์สูง ตลาดแรงงานคึกคักและตึงตัว ทำให้ค่าแรงและราคาสินค้าขยับสูงขึ้นมา ทั้งนี้ บอร์ดบริหารของบีโอเจได้ลงคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 สนับสนุนการคงมาตรการขยายฐานวงเงิน (สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ) รายปีที่อัตราปีละ 80 ล้านล้านเยน (ประมาณ 6.64 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อไป
นักเศรษฐศาสตร์มีความคิดเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่ายในประเด็นที่ว่าบีโอเจจะเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการการเงินเชิงผ่อนคลาย หรือ คิวอี ด้วยการซื้อเพิ่มพันธบัตรและสินทรัพย์ต่างๆ อีกหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาบีโอเจก็ทุ่มวงเงินซื้อไปสูงมากแล้ว แต่กระนั้น ทั้งเจ้าหน้ารัฐบาลและรัฐมนตรีคลังก็ยังคงแสดงท่าทีชัดเจนว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้ “ปัจจุบัน บีโอเจเชื่อว่ามาตรการที่นำมาใช้ไปแล้วให้ผลลัพธ์มากเพียงพอท่ามกลางแนวโน้มดัชนีราคาที่ขยับสูงขึ้น” ทาเคชิ มินามิ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยโนรินชูกินจากประเทศญี่ปุ่นกล่าว เขายังคาดหมายว่า บีโอเจจะยังคงนโยบายเดิมต่อไปและยังจะไม่มีมาตรการกระตุ้นใหม่ๆ เพิ่มเติมในช่วงนี้
“ธนาคารกลางออกมาตรการคิวอีมาเพียงพอแล้ว และจะว่าไป แค่มาตรการคิวอีอย่างเดียวก็คงไม่พอที่จะกระเตื้องเศรษฐกิจทั้งองคาพยพ นอกจากราคาสินค้าแล้ว ค่าจ้างแรงงานก็ต้องขยับขึ้นด้วย ซึ่งนั่นมันก็ขึ้นอยู่กับบรรดาองค์กรธุรกิจที่เป็นนายจ้างด้วย”
สำหรับดัชนีที่บีโอเจใช้เป็นเกณฑ์นั้น คือดัชนีราคาผู้บริโภคที่ไม่รวมราคาอาหาร ล่าสุดข้อมูล ณ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่หากไม่นับรวมทั้งราคาอาหารและพลังงานเชื้อเพลิง ก็จะพบว่าดัชนีราคาขยับสูงขึ้น 0.9% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด้านค่าเงินเยนแข็งตัวขึ้น 0.7% ในช่วงการซื้อขายเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนจะปรับตัวลงเมื่อปิดตลาด ณ อัตราแลกเปลี่ยน 120.90 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หรือแข็งค่าขึ้น 0.2%
อย่างไรก็ตาม ไดจู อาโอกิ นักเศรษฐศาสตร์จากยูบีเอส ซีเคียวริตี้ส์ ประเทศญี่ปุ่น ให้ความเห็นว่า ถึงกระนั้น ความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการใหม่ๆ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังคงมีอยู่ และเชื่อว่าจะยังหวังกันไปอีกหลายเดือน ตัวเขาเองคาดหวังว่าบีโอเจจะประกาศมาตรการใหม่ๆ ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ แต่ก็ไม่เป็นไปตามคาด “ธนาคารกลางกำลังเสี่ยงที่จะพาตัวเองไปอยู่ในจุดอับโดยไม่ลงมือทำอะไรเพิ่มเติมในวันนี้”
ด้านนักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค และมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ มอร์แกน สแตนลีย์ ซีเคียวริตีส์ อยู่ในกลุ่มที่คาดหวังว่าบีโอเจจะประกาศปรับลดตัวเลขคาดหมายเงินเฟ้อลงมา และอาจต้องปรับเลื่อนกำหนดเวลาเป้าหมายของการทำตัวเลขเงินเฟ้อ 2% ออกไปอีก จากเดิมที่ตั้งกรอบเวลาไว้ว่าต้องทำให้ได้ก่อนเดือนกันยายนปีหน้า (2559)
ฮิเดโอะ ฮายากาวะ อดีตนักเศรษฐศาสตร์ของบีโอเจคาดหมายว่า บีโอเจอาจต้องปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีงบประมาณนี้มาอยู่ที่ 0.3% และอัตรา 1.6% ในปีงบประมาณหน้าเมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
การตัดสินใจคงนโยบายของบีโอเจเป็นผลมาจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ที่ออกมาระบุว่า เดือนธันวาคมนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก นับจากปี 2549 นักวิเคราะห์กล่าวว่า นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่บีโอเจคงนโยบายการเงินเหมือนเดิมขณะที่มีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อและขยับเวลาเลื่อนการบรรลุเงินเฟ้อเป้าหมายออกไป ถ้าหากตัวเลขแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงทิศทางนี้ คือแม้ยอดขายในธุรกิจค้าปลีกจะลดลงในเดือนกันยายน แต่การส่งออกก็ได้ขยับสูงขึ้นแล้ว และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมก็ขยับขึ้นด้วยในอัตรา 1 % ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายเอาไว้
ทั้งนี้ ในการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ 36 คนจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กพบว่า มี 16 คนที่คาดหมายว่า บีโอเจจะเพิ่มวงเงินการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งล่าสุดที่มีขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ต.ค.) และมี 8 คนที่คาดว่าอาจจะมีการประกาศมาตรการคิวอีเพิ่มเติมในอนาคตข้างหน้า ขณะที่ 12 คนเชื่อว่า จะไม่มีการประกาศมาตรการเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคตอันใกล้
การประชุมบอร์ดบริหารของบีโอเจครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ “จะมีแรงกดดันมากขึ้นให้บีโอเจประกาศมาตรการคิวอีเพิ่ม เพราะเห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะมั่นใจได้ว่าเรากำลังจะทำตัวเลขเงินเฟ้อ 2% ได้ตามเป้าหมาย” มาซามิชิ อาดาชิ นักเศรษฐศาสตร์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค อดีตเจ้าหน้าที่บีโอเจ กล่าวในที่สุด