“เจตาแบค”ยื่นไฟลิ่งต่อก.ล.ต เสนอขายไอพีโอ 240 ล้านหุ้น ระดมทุนเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรม และโอกาสการดำเนินธุรกิจในอนาคต ที่ปรึกษาทางการเงินชี้มีแผนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ไตรมาสแรกปี 2559 เตรียมขยายโอกาสสู่เออีซี จากความต้องการใช้เครื่องกำเนิดไอน้ำอีกจำนวนมาก
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือเอพีเอ็ม ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท เจตาแบค จำกัด(มหาชน)(บมจ.)( GTB ) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) และยื่นแบบคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) พร้อมการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 0.25 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บมจ.เจตาแบค ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ(Steam Boiler) ระบบเผาไหม้(Combustion Engineering) งานวิศวกรรมพลังงานความร้อน(Thermal Energy Engineering) อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และงานบริการเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไอน้ำ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 240 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 960 ล้านหุ้น เรียกชำระแล้ว 180 ล้านบาท
นายสมภพกล่าวว่าการระดมทุนของบมจ.เจตาแบค ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานให้สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้อย่างแข็งแกร่ง และช่วยส่งเสริมให้วางแผนการขยายงานในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมา เจตาแบค มีการเติบโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมทุกประเภทที่ต้องการใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ และบริการที่เกิดจากความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบริษัท ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2557 มีรายได้รวมรวม 962.29 ล้านบาท กำไรสุทธิ 49.73 ล้านบาท ขณะที่ 6 เดือนแรกของปี 2558 (มกราคม-มิถุนายน) มีรายได้รวม 412.90 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24.63 ล้านบาท และยังมีงานที่ยังไม่ส่งมอบอยู่ระหว่างการดำเนินงานอีกจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่างานในมือ (Backlog) อีกประมาณ 427 ล้านบาท ทำให้คาดว่าผลงานในปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา
นายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจตาแบค กล่าวว่า นอกจากบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาเพื่อขยายกำลังการผลิต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อต่อยอดโอกาสการดำเนินงานทั้งปัจจุบันและในอนาคต รองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จีน และเอเชียใต้ที่ยังมีความต้องการจำนวนมากแล้ว บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะวิจัยและพัฒนาสินค้า การพัฒนาโปรแกรมการออกแบบทางวิศวกรรมให้เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้าแต่ละประเภท ตลอดจนคำนึงถึงการผลิตพลังงานสะอาดจากพลังงานทดแทนเพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปอีกด้วย
ปัจจุบันบริษัทจำหน่ายสินค้าไปต่างประเทศทั่วโลก อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย ปากีสถาน บังกลาเทศ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น สำหรับปี 2557 บริษัทมีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% ซึ่งในอนาคตหากมีการขยายการจำหน่ายไปยังต่างประเทศมากขึ้นน่าจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
http://www.getabec.com/