บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดกิจกรรม KUBOTA Farmer Academy 2015 เพื่อสร้างชาวนายุคใหม่ สานต่ออาชีพเกษตรกรรมของครอบครัว
นายสมศักดิ์ มาอุทธรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การจัดการโครงการ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน “KUBOTA Farmer Academy 2015” ว่า ในฐานะผู้นำเครื่องจักรกลการเกษตรของประเทศไทย บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญในการทำกิจกรรมตอบแทนสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้มุ่งมั่นสร้างเยาวชนในระดับอุดมศึกษาให้มีทัศนคติที่ดีในเรื่องการทำการเกษตรภายใต้โครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp โดยจัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการเกษตร พร้อมลงมือปฏิบัติจริง เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม
“ในปีนี้เราจึงได้จัดกิจกรรม KUBOTA Farmer Academy ขึ้นเป็นปีแรก เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้แก่บุคคลทั่วไปในวัยทำงาน ที่มีพื้นที่ไร่นาเป็นของตัวเองเข้ามาร่วมทำกิจกรรม เรียนรู้การทำงานนาแบบครบวงจรอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งการทดลองใช้เครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปต่อยอดในการเป็นเกษตรกรได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มคนวัยทำงานในหลากหลายอาชีพ” นายสมศักดิ์ กล่าว
กิจกรรม KUBOTA Farmer Academy จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้อยู่ร่วมกันทำกิจกรรมทั้งสัมมนาสร้างความรู้ แลกเปลี่ยนข้อมูล ลงพื้นที่แปลงนาทดลองขับเครื่องจักรกลการเกษตร ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่ม การทำตลาดและการหาช่องทางจัดจำหน่ายผลผลิตจากข้าว ล้วนเป็นกิจกรรมที่อัดแน่นไปด้วยความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์
นายพีรภัสร์ แย้มมา “ม่อน” อายุ 31 ปี ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมโครงการที่มีความฝัน และความมุ่งมั่นที่จะกลับบ้านมาทำนาบนพื้นที่ของบรรพบุรุษอย่างแน่วแน่ เล่าว่า ผมเรียนจบมาในสายไอที ซึ่งจะหางานทำในต่างจังหวัดค่อนข้างยาก และด้วยพื้นฐานที่ผมเป็นคนต่างจังหวัด ผมจึงอยากกลับไปใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัดมากกว่าการอยู่ในเมือง ซึ่งที่บ้านของผมทำนา ทำไร่อ้อยอยู่แล้ว และด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ที่มีความทันสมัย ผมจึงมีความคิดที่จะกลับไปทำนาที่บ้าน ซึ่งจากการที่ได้เข้าร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้ ผมมองว่าการทำเกษตรกรรมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็พร้อมที่จะลองทำ “ผมตั้งเป้าที่จะกลับไปทำนาอย่างเต็มที่ภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยจะทำให้เป็นอาชีพหลักควบคู่ไปกับอาชีพที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และนำข้าวที่ได้ไปแปรรูปให้เหมือนกับที่ประเทศญี่ปุ่นทำ ที่สำคัญผมจะพิสูจน์ให้ที่บ้านเห็นว่าผมสามารถทำนาได้จริงๆ” คุณม่อน เล่าถึงความตั้งใจ
น.ส.มยุรี เหลืองวิไล “จู” อายุ 29 ปี พนักงานมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่พร้อมจะเรียนรู้ เพื่อกลับไปทำนาบนพื้นที่ของตนเอง คุณจู เล่าถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า ที่บ้านมีนาอยู่ประมาณ 20 กว่าไร่ แต่ปัจจุบันปล่อยให้เช่า เนื่องจากที่นานั้นมีมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่และที่บ้านไม่มีใครทำนาเป็น พอเห็นที่บ้านแฟนทำ จึงได้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากกลับมาทำนาบนที่นาของตนเอง ซึ่งจากการเข้าร่วมกิจกรรมทำให้ได้ความรู้มากมาย “ก่อนหน้านี้ความรู้สึกแรกต่ออาชีพเกษตรกร คือ เป็นอาชีพที่เหนื่อย ร้อน ใช้เวลานานกว่าจะเก็บเกี่ยว และกว่าจะได้เงินมาต้องลงเงินก่อน แต่พอเราเข้ามาร่วมกิจกรรม ทำให้เห็นว่าถ้าเราทำนาอย่างถูกต้อง มีหลักการและอุปกรณ์ช่วยที่ดีนั้น เราก็จะได้ผลผลิตที่ดีตามมา และถึงแม้ไม่ใช่อาชีพหลัก แต่ถ้าเป็นอาชีพเสริม ถ้าทำได้อย่างที่ได้เรียนรู้มาตลอดทั้ง 3 วัน มันอาจจะดีกว่าอาชีพหลักที่เราทำอยู่ก็ได้ เราเลยตัดความคิดว่าทำนาแล้วเหนื่อยไปได้เลย
คงถึงเวลาที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่เริ่มหันมาตระหนักถึงความสำคัญของอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมที่บรรพบุรุษได้ส่งต่อมายังรุ่นต่อรุ่น เพื่อให้ลูกหลานได้มีอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมในยามว่างที่จะคอยอยู่เคียงคู่กับเราไปตราบนานเท่านาน