ธนาคารชาติสิงคโปร์ใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ด้วยการลดการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์เมื่อเทียบกับเงินคู่แข่งเพื่อดันการส่งออก เผยเมืองลอดช่องเกือบเจอภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ธนาคารกลางประเทศสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore-MAS) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 2 ในปีนี้โดย เลือกใช้วิธีการกดค่าเงินแทนการลดดอกเบี้ย ซึ่งสามารถทำได้เนื่องจากใช้ระบบตะกร้าค่าเงินที่ไม่ระบุสูตรการคำนวณ ในการกำหนดค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์อยู่แล้ว
ธนาคารยูโอบีออกรายงานแสดงความเห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางว่า “ภาวะปลอดเงินเฟ้อและการลดลงของค่าเงินประเทศคู่แข่งของสิงคโปร์ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสิงคโปร์ลดลง การกดไม่ให้ค่าเงินเพิ่มในอัตราเร่งเมื่อเทียบกับเงินในตะกร้าเงินจะทำให้การส่งออกแข่งขันได้มากขึ้น”
เอเอฟพี ระบุว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเอ็มเอเอสทำให้จีดีพีของสิงคโปร์ในไตรมาส 3 ขยายตัวเป็นบวกที่ 0.1 % ขณะที่ไตรมาสที่ 2 ติดลบไปแล้วมีผลให้เศรษฐกิจสิงคโปร์ไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ทางเทคนิค ที่กำหนดว่าถ้าเศรษฐกิจติดลบต่อเนื่อง 2 ไตรมาสเท่ากับเป็นการเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ดี เอเอฟพี อ้างรายงาน ธนาคารดีบีเอส ว่า ปัญหาหลักคือการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงของจีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกที่ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าส่งออกจากอาเซียนลดลง ยังอยู่ ดังนั้นสิงคโปร์จะยังคงเผชิญกับปัญหาความอ่อนแอของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ ดีบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่สุดของอาเซียน คาดว่าจีดีพีของสิงคโปร์ปีนี้จะขยาย 1.8% ขณะที่รัฐบาลคาดว่าจะขยาย 2-2.5 %
Mr. Rajiv Biswas หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกของ HIS Global Insight ให้สัมภาษณ์เอเอฟพี ว่าเมื่อเศรษฐกิจประเทศจีนยังคงอยู่ในช่วงขาลง เศรษฐกิจประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิกจะยังคงได้รับผลกระทบต่อไป
Mr. Biswas ระบุว่าในปีที่แล้วสินค้าที่ไม่รวมผลิตภัณฑ์น้ำมันที่สิงคโปร์ส่งไปขายจีนมีสัดส่วนที่ 15.3 % ของสินค้าที่ส่งออกทั้งหมด สูงกว่าสัดส่วนของการส่งออกไปประชาคมยุโรปซึ่งอยู่ที่ 11.1 % และสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ที่ 9.5 %
“นอกจากสิงคโปร์ แล้ว สัดส่วนของสินค้าส่งออกของออสเตรเลียไปจีนยังอยู่ในระดับสูงถึง 35 % ของเกาหลีใต้อยู่ที่ 25 % และญี่ปุ่นอยู่ที่ 20 % ดังนั้นการชะลอตัวของเศรษฐกิจ จีนจึงมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียทั้งหมด”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3098 วันที่ 22-24 ตุลาคม พ.ศ. 2558