ตลาดเครื่องจักรกลหนักคึกคัก ตัวแทนจำหน่ายแห่นำเข้าทั้งสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น รับงานลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและบริหารจัดการน้ำ บ่งบอกภาวะเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้อง ชี้ภาพรวมทั้งปียอดขายถึง 2.5 พันคัน มูลค่าเกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีหน้าเห็นสัญญาณดีเติบโต 6 % ที่ 2.65 พันคัน
นายไพชยนต์ เลิศสินไพศาล เจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท วัตคิสัน คอนสตรัคชั่นอิควิปเมนท์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรกลหนัก จากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยการผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานออกมา ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้ารางคู่ รถไฟฟ้า ถนน ตลอดจนโครงการบริหารจัดการน้ำ ทำให้บริษัท ทีแอลเอส กรุ๊ป เซาท์อีสท์ เอเชีย จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถฮุนได โฟร์กลิฟต์ สำหรับงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เปิดไลน์ใหม่ที่จะนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลหนักสำหรับงานก่อสร้างและอุตสาหกรรมเหมืองแร่
ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าโครงการของรัฐบาลมีความชัดเจน และเป็นโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนในด้านนี้ โดยได้ลงทุนไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท สำหรับการเปิดสาขาการบริการและสต๊อกสินค้า โดยในปีนี้ตั้งเป้าการจำหน่ายรถขุดตักไว้ที่ประมาณ 40 คัน หรือมีรายได้ราวประมาณ 200 ล้านบาท และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 120 คัน รายได้รวมประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 5 % ในอีก 3 ปีข้างหน้า และจะมีสาขาเพิ่มขึ้นในปี 2560 เป็น 10 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 6 แห่ง และตัวแทนจำหน่ายรายย่อยเพิ่มเป็น 11 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 4 แห่ง
โดยบริษัทมีจุดแข็งของแบรนด์ CASE Construction ของสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินธุรกิจด้านนี้มา 172 ปี สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร จากฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่นซึ่งกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทจะเป็นในส่วนของราชการ และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ แบ่งสัดส่วนรายได้ 70 % และ 30 % ตามลำดับ แต่ในระยะต่อไปจะเข้าไปเจาะในกลุ่มเหมืองแร่มากขึ้น และจะทำให้สัดส่วนรายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 50 %
ด้านนายฉกาจ แสนจัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีดเวย์เฮฟวี่แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรกลหนักจากญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์”ซูมิโตโม” เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ที่เป็นผลจากงบการลงทุนของภาครัฐเริ่มลงสู่ท้องถิ่นมากขึ้นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล เนื่องจากมีการสั่งซื้อเครื่องจักรกลหนักมากขึ้น จะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่ามีเม็ดเงินจากภาครัฐกระจายสู่ทั่วทุกภูมิภาคที่จะใช้สำหรับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโครงการบริหารจัดการน้ำ
ทั้งนี้ เห็นได้จากการเติบโตของเครื่องจักรกลหนักภาพรวมในปีนี้จะเติบโตราว 4 % หรือมียอดจำหน่ายราว 2.5 พันคัน คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมเกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเป็น 2.65 พันคันหรือเติบโตประมาณ 6 % และในปี 2560 คาดว่าความต้องการใช้จะขึ้นไปอยู่ที่ 2.8 พันคัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 8 % ด้วยยอดจำหน่าย 150 คัน และคาดว่า 3 เดือนที่เหลือนี้ น่าจะจำหน่ายได้อีก 50 คัน ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ทั้งปี 200 คัน มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อน 12.5 % โดยปีหน้าบริษัทได้ตั้งเป้าการจำหน่ายไว้ที่ 250 คัน ส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มเป็น 9 % และจะเพิ่มสาขาการจำหน่ายเป็น 11 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 6 แห่ง กระจายอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ด้วยจุดแข็งรถขุดตักมีแรงขุดสูงแต่ประหยัดน้ำมันเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ
“การเติบโตของบริษัท เป็นผลจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ที่รวมถึงโครงการบริหารจัดการน้ำด้วย ที่ขณะนี้เริ่มทยอยการก่อสร้างออกมา ทำให้ต้องใช้เครื่องจักรกลหนักประเภทรถขุดตักมากขึ้น ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น จากงบของภาครัฐที่กระจายลงไปสู่ท้องถิ่นมากขึ้น”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3094 วันที่ 8 – 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558