โค้งสุดท้ายในการผลักดันการส่งออกไทยในปี 2558 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ ติดลบ 3% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว การแข่งขันหั่นค่าเงิน ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โจทย์หลักในการประชุมทูตพาณิชย์เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2558 จึงมีการโฟกัสว่าควรงัด "กลยุทธ์" อะไรมาใช้ขับเคลื่อนการส่งออกในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคอนเซ็ปต์ "รักษาตลาดเดิม เพิ่มสัดส่วนตลาดใหม่" โดยเฉพาะตลาดซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 26% ของการส่งออก โดยวางเป้าหมายว่าปีนี้ตลาดอาเซียนภาพรวมติดลบ 3.1% โดยอาเซียน 6 ประเทศ เดิมจะติดลบที่ 9.1% ขณะที่อาเซียนใหม่ (CLMV) น่าจะขยายตัวได้ 8.2%

โดยมีการวางยุทธศาสตร์ 4 ด้านหลัก คือ 1.ยุทธศาสตร์การค้า 2.ยุทธศาสตร์การลงทุน 3.ยุทธศาสตร์การแสวงหาวัตถุดิบ และ 4.ยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็น "เข็มทิศ" ในการรักษาตลาดอาเซียน และใช้โอกาสในการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเป็นทางการปี 2559 ซึ่งไม่เพียงจะช่วยขยายการส่งออกเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการขยายฐานการลงทุน สร้างฐานการผลิต เพื่อส่งออกไปยังประเทศที่ 3 หลังจากไทยถูกประเทศพัฒนาแล้วตัดสิทธิพิเศษทางภาษี (GSP) ไปก่อนหน้านี้
สินค้าดาวรุ่งของตลาดนี้ยังเป็นสินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง ตกแต่งภายใน ธุรกิจแฟรนไชส์ และสามารถเป็นแหล่งวัตถุดิบ เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ซึ่งยังมีจำนวนมาก ขณะเดียวกันการเชื่อมโยงธุรกิจท่องเที่ยวอาเซียน โดยการเชื่อมเส้นทางการท่องเที่ยวให้เป็นเส้นทางเดียวกัน ลดอุปสรรคด้านการเดินทาง ระบบโลจิสติกส์จะช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวได้มากขึ้น
เพิ่มช่องทางค้ารักษาตลาดเดิม
ในส่วนตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และตลาดศักยภาพเช่น จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง เป็นต้น ยังถือเป็นตลาดสำคัญของการส่งออกไทย แม้ขณะนี้หลายตลาดจะมีปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว หรือในบางประเทศมีนโยบายหันไปพึ่งพิงเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น ดังนั้น "การหาช่องทางการค้าใหม่" จึงเป็นยุทธวิธีสำคัญในการผลักดันการส่งออกเพื่อรักษาส่วนแบ่งนี้ไว้
โดยกระทรวงพาณิชย์จะปรับยุทธศาสตร์ 4 ด้านให้สอดคล้องกับลักษณะแต่ละตลาด เช่น การเจาะตลาดเมืองรองในจีน การผลักดันความร่วมมือการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน หรือการขยายช่องทางการค้าออนไลน์ ในตลาดสหรัฐ และสหภาพยุโรป รวมถึงการมุ่งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะให้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี ตลาดนี้ยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม สังคม ความต้องการ ผู้ส่งออกไทยต้องปรับปรุงสินค้าและบริการ ให้สอดคล้องกับลักษณะของตลาดให้มากที่สุด และรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า ผลักดันการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี และสิทธิพิเศษทางการค้าที่จะเอื้อผู้ส่งออกให้มากขึ้น
แอฟริกาตลาดใหม่ในอนาคต
อีกหนึ่งตลาดที่ไม่ควรละเลย "ตลาดแอฟริกา" ซึ่งมีประชากรกว่า 1,200 ล้านคนทวีปนี้มี 7 ใน 54 ประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ ไนจีเรีย โมซัมบิก ที่เป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วมาก และมีนัยสำคัญต่อการค้าไทย เพราะผู้บริโภคกลุ่มบนยังให้การยอมรับคุณภาพสินค้าไทย "ยุทธศาสตร์ส่งออก" สำคัญในตลาดนี้ มุ่งเน้นสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าว อาหารสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นที่ต้องการอย่างมาก และยังเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญ เช่น อัญมณี ประมง ป่าไม้จึงมองว่า แนวโน้มการส่งออกไทยไปแอฟริกาในปี 2559 ขยายตัวได้ 2%
"โรดโชว์" ช็อปสินค้าเกษตร
แนวทางผลักดันการส่งออก "ช่วงโค้งสุดท้าย" สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง คือ การผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่จะมุ่งสร้างตลาดส่งออก เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรในประเทศ ดังนั้น ทูตพาณิชย์กลุ่มเอเชีย เตรียมจัดมิชชั่นนำคณะผู้นำเข้ามาเจรจาซื้อสินค้า อาทิ คณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดข้าวหอมมะลิเบอร์ 2 ของไทย รองจากสหรัฐ ตลาดสิงคโปร์ ที่เป็นตลาดข้าวสำคัญอีกแห่ง ที่จะนำคณะลงพื้นที่เจรจาสั่งซื้อข้าวก่อนที่ผลผลิตของประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม เมียนมาจะออกสู่ตลาดในเดือนพฤศจิกายน 2558 นี้