สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ดันผู้ว่าฯช่วยฟื้นเศรษฐกิจ “สมคิด” ชี้ไทยยังยากจนไม่ใช่รายได้ปานกลาง
21/09/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

“สมคิด” หนุนผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปฏิบัติการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งจากภายใน แก้ปัญหาประเทศไทยเป็น “โปลิโอ” ที่เคยเติบโตจากการส่งออก เพียงอย่างเดียว ให้เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งจากฐานราก ชี้ประเทศไทยจริงๆ ไม่ใช่ประเทศรายได้ปานกลาง เพราะคนทั่วประเทศยังยากจนอยู่

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโครงการสัมมนาผู้บริหารระดับสูงเพื่อกำหนดทิศทาง จุดยืน และยุทธศาสตร์การพัฒนาของกระทรวงมหาดไทย ระยะ 5 ปี โดยผู้รับฟังประกอบด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีจากทุกกรมในกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าที่ผู้ว่าราชการ จังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วม 300 คน ถึงบทบาทของกระทรวงมหาดไทยที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ว่า ในการบริหารประเทศมีกระทรวงมหาดไทยที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเชื่อว่า 76 จังหวัดหากทำให้เข้มแข็งขึ้นมาได้จะมีผลอย่างยิ่งต่อการยกระดับความก้าวหน้าเศรษฐกิจของประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) 5-6% จะเปลี่ยนแปลงทันที หากทำให้ทุกจังหวัดมีความเข้มแข็งและมีเศรษฐกิจที่ดี

ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจ 1-2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจระดับฐานล่างไม่มีอำนาจซื้อเพียงพอ สินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้คนกลุ่มใหญ่ของสังคม ชาวนา ชาวไร่ ยากจนยิ่งขึ้นไปอีก และส่งผลต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีปัญหา ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อที่เคยเห็นเป็นบวก กลับเป็นเงินเฟ้อติดลบ ซึ่งแปลกมากที่ราคาสินค้าอาหารสูงแต่สินค้าไม่ค่อยจำเป็นกลับราคาลดลง เป็นเพราะคนไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจในอนาคต ก็เลือกซื้อแต่ของที่จำเป็น ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาตรการไป 2 ชุดที่มุ่งช่วยเหลือคนยากจนและธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งไม่ใช่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นมาตรการช่วยคนกลุ่มใหญ่ที่มีความยากลำบากให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำคือเร่งการปฏิรูป ซึ่งพูดมาหลายครั้งแต่การเมืองในอดีตไม่เอื้อ แต่ในครั้งนี้เมื่อมีวิกฤติเกิดขึ้นก็ต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาส สร้างให้ประเทศเกิดความยั่งยืน โดยบทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัด จะช่วยสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจจากภายใน เพื่อรักษาขาอีกข้างของประเทศไทยที่เป็นโปลิโอ เนื่องจาก 30 ปีที่ผ่านมาเน้นสร้างการเติบโตเศรษฐกิจจากการส่งออก และดึงการลงทุนจากต่างประเทศ จนจีดีพีโตก้าวกระโดดไป 8% และเคยไปที่ 11-13% ในปี 2528-2531 จนขาข้างนี้ใหญ่ไปเรื่อยๆ แต่ขาอีกข้างที่เป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศที่อยู่ในท้องถิ่น ภูมิภาค ที่ความเจริญไปไม่ถึง กลายเป็นขาที่อ่อนแอ เหมือนคนเป็นโปลิโอ

“ผมไม่อยากให้เราไปเชื่อฝรั่งมากที่บอกว่าเราเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางยังไม่สามารถก้าวไปสู่ประเทศรายได้ระดับสูงได้ แต่เมื่อมองไปใน 75 จังหวัด จริงๆเราเป็นประเทศรายได้ต่ำ ส่วน ที่บอกว่าเป็นประเทศรายได้ปานกลางมาจากค่าเฉลี่ย ผลผลิตรายได้ประชาชาติ แต่ของจริงยังต่ำอยู่ วิธีแก้ปัญหาจึงต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เศรษฐกิจท้องถิ่นแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสมาตลอด ให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ขายได้ ชาวนาต่อรองได้และกระทรวงพาณิชย์ต้องจัดตลาดสินค้าเกษตรและตลาดชุมชนให้”

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศของไทยลดลง สินค้าของไทยส่งออกได้น้อยลง ไม่ใช่เพียงจากเศรษฐกิจโลกมีปัญหา แต่เพราะสินค้าเราแข่งขันไม่ได้ ดังนั้น รัฐบาล พยายามที่จะรวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์อุตสาหกรรม ทั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยไปดูว่าพื้นที่จังหวัดใดเหมาะกับอุตสาหกรรม ไหนก็เสนอมาเพื่อให้เกิดการพัฒนาขึ้น รวมทั้งให้ดูเรื่องการแปรรูปสินค้าในท้องถิ่นให้น่าสนใจ พร้อมกับให้ดึงสถาบันวิจัย สถานศึกษา และให้โรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่นั้นๆมาร่วมกันคิดนวัตกรรมใหม่ รวมถึงการส่งเสริมการค้าชายแดน และส่งเสริมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการออกแบบพื้นที่โดยหารือกับหอการค้าจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)

นอกจากนี้ ภาคบริการ ซึ่งประเทศไทยมีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยว บทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถพัฒนาเมืองให้เกิดการท่องเที่ยวได้ ไม่ต้องปล่อยให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำคนเดียว เพราะใน 76 จังหวัดมีแหล่งท่องเที่ยว โบราณสถาน หลายแห่ง ขอให้สร้างเรื่องราว ที่ดี นำเรื่องวัฒนธรรมมาประกอบ สร้างหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยวขึ้นมา ก็จะสร้างการเติบโตจากภายในจังหวัดได้

“บทบาทผู้ว่าราชการจังหวัดจากนี้ไปจะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง สร้างความเข้มแข็งจากภายใน มีความคิดริเริ่ม ให้แรงบันดาลใจให้คนในจังหวัดคิดตามและไปดูแลพวกเขา พร้อมกับต้องเป็นสถาปนิกออกแบบแนวคิดการพัฒนา ซึ่งแต่ละจังหวัดจะไม่เหมือนกัน ควรดึงสถาบันการศึกษา อบต. อบจ.มาด้วย และจะต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศ ไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ต้องใช้ความตั้งใจและมีความ อดทนและทำอย่างต่อเนื่องและท้ายที่สุดต้องดูแลทุกข์สุขของราษฎรด้วย”.

ที่มาของข่าว: ไทยรัฐออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.