“หม่อมอุ๋ย” ฝากโจทย์รัฐบาลปัจจุบันรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีก 2-3 ปี พร้อมแนะเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ช่วยกระตุ้น ศก. ดูแลเกษตรกรไม่ให้เป็นหนี้เพิ่ม ชี้มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้ถูกจุดต้องการคำสั่งซื้อมากกว่าเม็ดเงิน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา “ศศินทร์ ซีอีโอ รีวิว 2015” เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ในหัวข้อ “โค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปีแพะ” จัดโดยสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2558 จะโตได้ที่ 2.9 -3.0% แม้ว่าช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ภาคส่งออกจะหดตัว 4.8% แต่ภาคท่องเที่ยว (ซึ่งมีสัดส่วน12% ของจีดีพี) มีจำนวนนักท่องเที่ยวโตได้ถึง28% ทำให้สามารถเข้ามาชดเชยรายได้จากภาคส่งออกได้พอดี ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนที่ยังโตเพิ่มขึ้น และปัจจัยจากการใช้จ่ายของภาครัฐบาล ทำให้จีดีพีปีนี้ยังโตถึง 3% อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องจับตาคือเหตุการณ์ระเบิดจะมีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวมากน้อยเพียงใด
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปีนี้ ยังเหมือนช่วงที่ผ่านมา สิ่งที่รัฐบาลต้องเตรียมคิดไว้ คือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวไปอีก 2-3 ปี มีกลุ่มที่รัฐบาลต้องดูแล คือ ชาวไร่อ้อย ชาวสวนยาง ชาวนา ซึ่งรัฐบาลต้องสร้างระบบเพื่อ “อุด” คนมีรายได้น้อยไม่ให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้น เห็นได้จากปีที่แล้วรัฐบาลได้อุดหนุนช่วยชาวนาไป 3.9 หมื่นล้านบาท ทำให้ชาวนาไม่เป็นหนี้เพิ่ม นี่คือภาระที่รัฐบาลต้องคิดอย่ามัวห่วงเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ แต่ต้องดูว่าจะช่วยอุดกลุ่มผู้มีอาชีพเหล่านี้ได้อย่างไรให้อยู่ไปได้อีกในช่วง 2-3 ปีโจทย์คือ “อุด” อย่าให้เป็นหนี้เพิ่มขึ้น เพื่อรอเวลาให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้นแล้วเศรษฐกิจก็จะกลับมาเอง
ส่วนกรณีของมาตรการช่วยเอสเอ็มอี การกระตุ้นทางการเงินก็ได้เท่าเดิม เอสเอ็มอีเขาไม่อยากได้เงินแต่อยากได้คำสั่งซื้อ ต้องอ่านเศรษฐกิจให้ถูก เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ที่ตัวเองแต่อยู่ที่ออร์เดอร์(คำสั่งซื้อ)
“ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงถึง 50% สิ่งที่ตามมาคือ โลหะทุกชนิดราคาตกตาม ทองคำ ทองแดง หลังจากนั้นราคาพืชผลทุกชนิดก็ลดลงตาม ยาง ข้าว น้ำตาล เมื่อโลกทั้งโลกลง ยอดส่งออกของทั้งโลกก็ลดลง ในช่วง 6 เดือนของปีนี้ยอดส่งออกเฉลี่ย 80-90% ของประเทศในโลกส่งออกลดลง เมื่อส่งออกลดลงหมด นำเข้าก็ลดลงด้วย ปีนี้เป็นปีแรกที่ยอดส่งออกและนำเข้าของโลกในแง่ของตัวเงินลดลง ”
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวเตือนว่า สถานการณ์ของโลกที่ชะลอตัวทั้งโลกพร้อมๆ กันไม่มีใครเป็นพระเอกหรือนางเอก จึงไม่ควรอวดเก่งว่าจะทำจีดีพีให้โตได้ 5% ในปีสองปีนี้เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนประเทศไทยไม่ให้พึ่งพาส่งออกแล้วหันมากินใช้กันในประเทศได้ในวันนี้ แต่ต้องค่อยๆ ไป
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องทำในระยะต่อไป คือดึงโครงการลงทุนที่มีความหมายมาทำให้มาก ซึ่งในปีที่ผ่านมาการประมูลถนนและสร้างทางหลวงชนบททำได้เร็วช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนในปีนี้ตัวที่จะมาช่วยคือ โครงการรถไฟทางคู่ที่จะมีการประมูลจากนี้ไปจนถึงเดือนเมษายน 2559 ซึ่งจะผลให้ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างเดินได้ทันที รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน สิ่งเหล่านี้ต้องหยิบขึ้นมาและทำให้มันเกิดเพราะนอกเหนือจากนี้คงไม่มีอะไรที่จะไปเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกมาก
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3087 วันที่ 13-16 กันยายน พ.ศ. 2558