ม.หอการค้าไทย คาดการณ์ GDP ปี 58 โต 3.1% ส่งออกในปีนี้จะหดตัวอยู่ในระดับ 4% เหตุ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ชัดเจน-หนี้ครัวเรือนสูง ประเมิน GDP ปีหน้า โต 4.2% ส่งออกเติบโตได้ 5.3% ...

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 58 จะเติบโตได้ 3.1% โดยมีกรอบการขยายตัวอยู่ในช่วง 2.8-3.3% ลดลงเล็กน้อยจากที่เคยประมาณการไว้ในเดือน เม.ย. 58 ที่ 3.2%
ปัจจัยลบทสำคัญในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้การค้าและการลงทุนของโลกซบเซาตามไปด้วย ขณะที่ปัญหาภัยแล้งยาวนานส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และทำให้กำลังซื้อของเกษตรกรหดหายไป นอกจากนี้ หนี้ภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่สูง ทำให้อำนาจซื้อของครัวเรือนลดลงด้วย และล่าสุดยังมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาจากกรณีที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้การเลือกตั้งที่เดิมคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 59 จำเป็นต้องเลื่อนออกไป อันมีผลทางจิตวิทยาต่อนักลงทุนต่างชาติ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) และอาจงดนำเข้าสินค้าประมงของไทยชั่วคราว เนื่องจากการทำประมงขัดกับกฎระเบียบ IUU ของอียู, องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ให้ใบแดงมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทย และ เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวจากการปรับนโยบายเน้นการพึ่งพาสินค้าในประเทศและลดการนำเข้า
ด้านปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือ การเมืองในประเทศยังมีเสถียรภาพที่ดี, คณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน, ภาคการท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี, การดำเนินนโยบายทางการเงิน ผ่านการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 1.50% มีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พยากรณ์ฯ มองว่าการส่งออกในปีนี้จะหดตัวอยู่ในระดับ 4% หรือมีมูลค่าราว 216,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าลดลง 8.1% หรือมีมูลค่าราว 209,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้คาดว่าในปีนี้ไทยจะเกินดุลการค้าราว 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่มองว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะติดลบ 0.6% แต่ไม่ใช่สถานการณ์ของเงินฝืด เพราะการติดลบของเงินเฟ้อมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับต่ำ และทั้งปีนี้เงินบาทจะมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ 34.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรืออยู่ในกรอบ 33.00-36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนการคาดการณ์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 59 ว่าจะเติบโต 4.2% มีกรอบในช่วง 3.9–4.5% ซึ่งโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่จะช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทยให้ขยายตัวได้ตามเป้า ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาล ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้การบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับการส่งออกของไทยในปี 59 คาดว่าจะเติบโตได้ 5.3% ที่มูลค่าประมาณ 228,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การนำเข้าคาดว่าจะเติบโต 5.2% ที่มูลค่าประมาณ 220,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ทั้งปี 59 ไทยยังคงเกินดุลการค้าราว 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การเติบโตของการส่งออกในปีหน้ามาจากฐานที่ต่ำในปีนี้ ประกอบกับ คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว และผลจากที่เงินบาทอ่อนค่า เอื้อต่อการส่งออก
ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปีหน้า คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกได้ โดยขยายตัว 1.4% ซึ่งคงไม่สูงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับเศรษฐกิจเพิ่งจะฟื้นตัว ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเฉลี่ยทั้งปี 59 อยู่ที่ระดับ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรืออยู่ในกรอบ 35.00–37.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยบวกที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในปี 59 ประกอบด้วย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย เกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs, สถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีเสถียรภาพ, ภาคการท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างชัดเจน, การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยลบที่สำคัญ คือ ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก, สัดส่วนหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง, สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากกังวลตัวเลข NPL, ต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น