สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ชงรัฐเพิ่มมาตรการฟื้น ศก. : กกร.ฉายภาพแนวทางแก้วิกฤติระยะสั้น 4 ด้าน
10/09/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือ กกร. เชื่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาและช่วยให้เศรษฐกิจสามารถหมุนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเห็นผลเร็วมาก และช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ดี คาดว่า จะเห็นผลได้ภายใน 3 เดือนหลังการขับเคลื่อนมาตรการ ซี่งกกร.มองผลการขับเคลื่อนว่า ควรนำไปสู่ภาคชุมชนและนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม กกร.เตรียม ข้อเสนอมาตรการทางเศรษฐกิจ ระยะสั้น 4 มาตรการ ประกอบด้วย การเพิ่มศักยภาพ ให้กับ SME ได้แก่ 1.ปรับลดอัตราภาษีเงินได้ให้ SME เพื่อจูงใจให้เข้าสู่ระบบ เพื่อให้สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ SME ของภาครัฐ และเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้ ดำเนินการลดอัตราภาษีเงินได้ สนับสนุนให้มีการใช้ Software ทางบัญชีที่ได้มาตรฐาน และการฝึกอบรม SME จัดทำบัญชี
 
2.การผลักดันการค้าชายแดน โดยกำหนดเป้าหมายการค้าชายแดนที่ 2 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี (ปี 2560) จากปัจจุบันมูลค่าการค้าชายแดนที่ 1.4 ล้านล้านบาท พร้อมกับขยายบทบาทหน้าที่ของพาณิชย์จังหวัด เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนเข้าสู่ตลาดเป้าหมายและครอบคลุมการค้าข้ามแดนให้ถึงเมืองหลักของประเทศเพื่อนบ้าน และควรจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า / SME Outlet ในพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพ
 
3.การส่งเสริมการส่งออกและพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเร่งรัดการทำงานของคณะกรรมการพัฒนาการส่งออก ให้มีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ กกร.ยังเสนอ ให้ตั้ง “ทีมเศรษฐกิจ” ของจังหวัด โดยมีผู้แทนภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อดูแลเรื่องเศรษฐกิจโดยเฉพาะ เนื่องจากจุดแข็งของแต่ละจังหวัดแตกต่างกัน และยังสามารถประสานงานกับส่วนกลางได้อย่างใกล้ชิด
 
4.การสร้างกำลังซื้อภายในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร โดยเร่งรัดการระบาย Stock ข้าว อย่างน้อยร้อยละ 50 เพื่อจะได้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐ
 
ส่วนข้อเสนอมาตรการทางเศรษฐกิจ ระยะกลาง (6-12 เดือน) เสนอ 4 มาตรการ ประกอบด้วย 1.การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์การเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการสนับสนุนเกษตรกร ทั้งด้านการผลิตและการตลาด 2.การปรับวิธีการสรรหาผู้แทนการค้าไทย โดยให้ กกร. ร่วมในการจัดสรรหา เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประเทศในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี
 
3.สนับสนุนโครงการ Product Champion เพื่อยกระดับธุรกิจ SME ให้มีการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน และเติบโตเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ได้ และ 4. การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการภาครัฐ โดยการสร้างกลไกในการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยเน้นเรื่อง Ease of Doing Business / การเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ โดย กกร. ยินดีจะเข้าไปร่วมหารือเพื่อการปรับปรุงกระบวนขับเคลื่อนการทำงานที่สำคัญ ต่อเนื่องจากการบังคับใช้ พ.ร.บ. อำนวยความสะดวกภาครัฐ ที่ได้ออกมาแล้ว
 
นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ยังสรุปภาวะเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคม พบว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนหลักสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 39 เช่นเดียวกับการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะงบลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 ทำให้อัตราเบิกจ่ายสะสมอยู่ที่ร้อยละ 52 ซึ่งใกล้เคียงปีก่อนหน้า 
 
ด้านนายปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ กล่าวภายหลังงานเสวนาวิชาการ “ก้าวข้ามวิกฤติประเทศไทย” ว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 มาตรการ วงเงิน 130,000 ล้านบาท และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการขนาดเล็ก เพื่อกระจายรายได้สู่ภูมิภาคนั้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังได้ คาดว่าเม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ทั้งนี้จะยังไม่มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง เนื่องจากจะต้องติดตามปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน รวมถึงการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ แต่คาดว่าจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ และชี้แจงทำข้อมูล สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
ที่มาของข่าว: บ้านเมือง

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.