สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ปรับ ครม. เศรษฐกิจ ปรับแนวบริหาร ไม่ใช่แค่ปรับคน
05/09/2015
ข่าวเศรษฐกิจ
ฉับพลันทันใจยิ่ง หนึ่งสัปดาห์หลัง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาลขับเคลื่อนงานด้านต่างๆ ให้เห็นผลสำเร็จอย่างชัดเจนภายใน 3 เดือน เพราะมีผู้ตั้งความหวังว่าเมื่อมีทีมเศรษฐกิจใหม่เข้ามาบริหารงานแล้ว จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เคยมีอยู่ได้ดีขึ้น

โดยอยากให้ทีมเศรษฐกิจให้ความสำคัญและอย่าละเลยกับการดูแลเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าด้วย โดยเฉพาะการขับเคลื่อนให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย มีรายได้และสามารถจับจ่ายใช้สอยให้เกิดการเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ที่ประชุม ครม. 2 กันยายน ก็มีมติออกมาเป็นชุด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ป้ายแดง แถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศที่ได้รับการเห็นชอบ 3 มาตรการ วงเงินรวม 136,275 แสนล้านบาท ดังนี้

1.อนุมัติงบประมาณผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) ระดับเอ และบี กองทุนละไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินรวม 60,000 ล้านบาท ประกอบด้วยวงเงินสินเชื่อของธนาคารออมสิน 30,000 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อของ ธ.ก.ส. 30,000 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และปีต่อๆ ไป
2.อนุมัติงบประมาณส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลวงเงินรวมไม่เกิน 36,275 ล้านบาท เบิกจ่ายจากงบกลางในงบประมาณปี 2558 และ/หรือปี 2559 มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเสนอให้ ครม.เห็นชอบภายใน 2 สัปดาห์
3.มาตรการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศวงเงินรวมไม่เกิน 40,000 ล้านบาท โดบเบิกจ่ายจากงบกลางปี 2558 และงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559

"วงเงินส่วนแรกทั้งหมด 15,000 ล้านบาทนี้จะต้องลงสู่ภูมิภาคให้เร็วที่สุด โดยตอนนี้กระทรวงมหาดไทยก็กำลังไปประชุมอยู่ว่าจะไปเร่งวงเงินลงอย่างไร เช่นเดียวกับกองทุนหมู่บ้านที่จะเริ่มเลยทันที เพราะเงินจะถึงชาวบ้านได้เร็ว ซึ่งการทำสิ่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ" จากนั้นอีก 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ รัฐบาลเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ประสบปัญหาด้านเงินทุน และเมื่อผ่านการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนทั้งสองส่วนไปแล้ว ในระยะต่อไปที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ก็คือการเร่งรัดการลงทุนของภาคเอกชนให้เกิดขึ้นจริง ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ให้เงินที่จะลงไปนี้ช่วยผู้ที่มีรายได้น้อยที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศได้สร้างตัวขึ้นมาใหม่  ให้รอดพ้นจากภาวะตอนนี้ จะเรียก "ประชานิยม" หรือ "ทักษิโณมิกส์" อย่างที่มีคนค่อนแคะก็ดี หรือจะบอกว่านี่คือพื้นที่ "สีเทาๆ" ถ้าคนที่เราไม่ชอบลงมือทำเรียกว่าประชานิยม แต่ถ้าเราทำเองเรียกว่าการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย อย่างที่ นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย หนึ่งใน "ซุปเปอร์บอร์ด" ของรัฐบาลปัจจุบันระบุไว้ก็ดี แต่ที่ชัดเจนก็คือ การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ มิได้ปรับแต่ "ตัวบุคคล" แต่ยังเป็นการปรับเปลี่ยน "แนวคิด" และวิธีการทำงาน

แม้ไม่ถึงระดับจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ก็ใกล้เคียง มาเร็ว มาแรง และมาแตกต่างจากเดิม น่าสนใจว่ากระบวนการ "รดน้ำที่ราก" ตามแนวคิดของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจคนใหม่ จะทะลุทะลวงด่านและอุปสรรคที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจคนเก่าไม่สามารถฝ่าไปได้หรือไม่ และกระบวนการฉีดเงินสู่ "รากหญ้า" จะได้ผลในทางปฏิบัติ จนสามารถประคับประคอง-หรือดีที่สุดคือพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้หรือไม่

ทั้งหมดนี้จะได้รู้กันในเวลาอันไม่ไกล
ที่มาของข่าว: มติชนออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.