สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

"สมคิด"ดัน 3 ยุทธศาสตร์ฟื้นเศรษฐกิจ ใส่เงินรากหญ้า-แก้ปมSME
26/08/2015
ข่าวเศรษฐกิจ
ทีมเศรษฐกิจ ครม.บิ๊กตู่ 3 ผนึกกำลังฝ่ามรสุมส่งออก ลงทุน ท่องเที่ยว สั่งคลังทำแผนเร่งด่วนขับเคลื่อนนโยบายให้เห็นผล เตรียมอัดฉีดเงินกระตุ้นรากหญ้าปลุกกำลังซื้อ ให้แบงก์ออมสินปล่อยซอฟต์โลนอุ้มเอสเอ็มอี เดินหน้าเขต ศก.พิเศษ คมนาคมฟิตประมูลรถไฟทางคู่ 3 หมื่นล้านฟื้นเชื่อมั่น

ท่ามกลาง ปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจทั้งภายในภายนอก ประกอบกับเวลาที่มีจำกัด แต่จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วนหลากหลายเรื่อง ทำให้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล "ประยุทธ์ 3" นำโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องทำงานแข่งกับเวลาเตรียมความพร้อมสานต่อโครงการสำคัญและผลักดันนโยบายและ มาตรการใหม่ ๆ ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถเดินหน้าทำงานได้ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งเป็นทางการ

สศค.เตรียมข้อมูลชง รมว.คลัง

นาย รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่าได้สั่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมข้อมูลมาตรการและนโยบายที่ดำเนินการไปแล้ว และที่ค้างอยู่ รวมถึงเรื่องที่เคยเสนอไว้เตรียมรายงานต่อนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังคนใหม่ เช่น มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ด้วยการให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน (ซอฟต์โลน) การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ยังต้องสร้างความชัดเจนเรื่องค่าเช่า การดูแลปากท้องประชาชน เป็นต้น

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสศค. เปิดเผยว่า สศค.เตรียมรายละเอียดมาตรการที่ต้องดำเนินการระยะต่อไปเรียบร้อยแล้ว โดยเสนอผ่านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ให้ รมว.คลังพิจารณา มาตรการส่วนใหญ่เป็นไปตามโรดแมปที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางไว้และอยู่ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ

ช่วยเอสเอ็มอี-เขต ศก.พิเศษ

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า รมว.คลังขอให้ สศค.จัดทำแผนระยะสั้นระยะปานกลาง และระยะยาว สำหรับขับเคลื่อนนโยบายการคลังตามโรดแมป คสช. เช่น นโยบายด้านภาษี ซึ่งกรณีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่นายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลังเสนอไปที่รองนายกฯ อาจต้องนำกลับมาพิจารณากันใหม่ นอกจากนี้ เตรียมเสนอมาตรการด้านการเงินที่จะช่วยเหลือเอสเอ็มอี ให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้ซอฟต์โลนแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นไอเดียที่นายสมคิดผลักดันมาตลอด

รวมทั้งผลักดันการลงทุนให้ เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดทำคลัสเตอร์ อาทิ อุตสาหกรรมยางพารา อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น

"นายสมคิดต้องการ ให้คลังมีมาตรการที่ดึงดูดนักลงทุนในคลัสเตอร์เหล่านี้มากขึ้น เพื่อรักษาฐานส่งออกไว้ เพราะเมื่อเทียบกับเวียดนามที่มีการขยายฐานส่งออก ทำให้การส่งออกของเวียดนามปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว" 

ด้าน นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์)กล่าวว่า ต้องรอฟังแนวนโยบาย รมว.คลังก่อน ว่าจะมีแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างไรบ้าง โดยเตรียมการไว้บางส่วนเพื่อสนองนโยบายรัฐบาลแล้ว

3 นโยบายหลัก "สมคิด"

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่นายสมคิดเป็นที่ปรึกษานายกฯ ได้พยายามผลักดันมาตรการด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นความหวังของประเทศ 3 เรื่อง คือ 1.ต้องการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นรูปธรรม เหมือนอีสเทิร์นซีบอร์ด ให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชนไทย ต่างชาติ ต่อยอดเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) 2.ที่นายสมคิดร่วมผลักดันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมมาโดยตลอด คือ การช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยช่วยด้านสินเชื่อ เช่น ช่วยค้ำประกัน และปล่อยกู้เพื่อประคองเศรษฐกิจ 3.หาวิธีใส่เงินงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจระดับล่างหรือรากหญ้า ซึ่งขณะนี้มีปัญหามาก เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ หรือเรียกว่าประชานิยมแบบอ่อน ๆ 

แหล่งข่าวใกล้ชิดนายสมคิดกล่าวว่า นายสมคิดต้องการให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักธุรกิจรู้สึกว่า สถานการณ์การเมืองนิ่ง และต้องแยกระหว่างประชานิยมกับการช่วยเหลือคนจน โดยต้องออกแบบมาตรการที่เหมาะสม 

"พล.อ.ประวิตรและนายสมคิดจะเร่ง เดินหน้าให้สิทธิพิเศษและเร่งลงมือให้เกิดการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็น รูปธรรม เพราะเรื่องนี้ใหญ่มาก จะเป็นผลงานเชิงสัญลักษณ์ให้รัฐบาล คสช.ด้วยความเชื่อมั่นว่าหากเขตเศรษฐกิจพิเศษสำเร็จทุกเขตจะพลิกเศรษฐกิจประเทศได้" แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายสมคิด 

"อาคม" เร่งลงทุนคมนาคม

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และเลขาธิการ สศช. เปิดเผยว่า จะเร่งขับเคลื่อนลงทุนโครงการขนาดใหญ่โดยเร็ว ตามแผนงานและกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในโรดแมป ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์ เวย์ เป็นต้น เพราะการพลิกฟื้นเศรษฐกิจต้องอาศัยการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการด้านคมนาคมซึ่งคนส่วนใหญ่ฝากความหวังให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตของประเทศ แต่จะให้ตัดสินใจทันทีคงไม่ได้ ขอดูรายละเอียดงานก่อน ที่จะเร่งคือ รถไฟทางคู่ 1 เมตร ส่วนรางมาตรฐาน หรือ 1.435 เมตร จะเป็นลำดับถัดไป โดยภายในสิ้นปี 2558 มีโครงการประมูล เช่น รถไฟทางคู่ 3 เส้นทางเงินลงทุน 55,284 ล้านบาท ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 เส้นทาง ได้แก่ ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย กับจิระ-ขอนแก่น ส่วนประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร กำลังเสนอ ครม.อนุมัติ และอีก 3 เส้นทางเงินลงทุน 74,725 ล้านบาท รออนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)ได้แก่ ลพบุรี-ปากน้ำโพ, มาบกะเบา-จิระ นครปฐม-หัวหิน 

ทางคู่-รถไฟฟ้า-มอเตอร์เวย์ พรึ่บ

มอเตอร์ เวย์ 3 สาย ลงทุนกว่า 1.6 แสนล้านบาท มีพัทยา-มาบตาพุด ค่าก่อสร้าง 14,200 ล้านบาท ประมูลเดือน ส.ค.นี้ สร้าง ก.ย. เงินเข้าสู่ระบบ ต.ค., บางปะอิน-โคราช 77,970 ล้านบาท ประมูล ต.ค. สร้างและเงินเข้าสู่ระบบ ธ.ค. และบางใหญ่-กาญจนบุรี 50,200 ล้านบาท เปิดประมูล พ.ย. เงินเข้าสู่ระบบ ก.พ.-มี.ค. 59 รถไฟฟ้า 10 สาย เร่งตามแผนงาน กำลังสร้าง 4 สายทาง เร่งเปิดเดินรถตามกำหนดมี สีม่วง เขียว น้ำเงิน และแดง สายใหม่จะเสนอ ครม.เดือน ก.ย.นี้ 3 สายทาง คือ สีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) 110,325 ล้านบาท, ชมพู (แคราย-มีนบุรี) 56,691 ล้านบาท, เหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) 54,644 ล้านบาท และม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) 104,116 ล้านบาท ประมูลปลายปีนี้ถึงต้นปี"59

สีแดงอ่อน (บางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก) และแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) 44,157 ล้านบาท และต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (ดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท) 31,139.35 ล้านบาท เตรียมเสนอ ครม. ประมูลปี"59 นอกจากนี้มีโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง A ท่าเรือแหลมฉบัง 1,864 ล้านบาท ศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่แหลมฉบัง 2,944 ล้านบาท ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 กว่า 5.2 หมื่นล้านบาท เดินตามแผนงานเดิม และพัฒนาสนามบินภูมิภาค เช่น สนามบินแม่สอด สนามบินเบตง 2,103 ล้านบาท 

เลื่อนตอกเข็มรถไฟไทย-จีน

"รถไฟ ไทย-จีนยังเดินตามขั้นตอน แบบรายละเอียดจะเสร็จ ส.ค.นี้ รอผลประชุมครั้งที่ 7 วันที่ 10-12 ก.ย.นี้ ไม่รู้สร้างทัน ต.ค. หรือ ธ.ค.หรือไม่ ส่วนรถไฟความเร็วสูงที่จะให้เอกชนร่วมลงทุแบบ PPP 2 เส้นทางกว่า 2 แสนล้านบาท คือ กรุงเทพฯ-หัวหิน กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง จะขอดูรายละเอียดก่อน" 

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า หลังปรับเปลี่ยน รมว.คมนาคม งานที่จะเร่งรัดคือประมูลรถไฟทางคู่ 1 เมตรเพราะพร้อมสุดทั้งแบบก่อสร้าง-เงินก่อสร้าง ส่วนรถไฟราง 1.435 เมตร รถไฟไทย-จีน ก็เดินหน้าตามขั้นตอนปกติ อาจเลื่อนตอกเข็มจากเดิมกำหนดไว้ 23 ต.ค. หรืออย่างช้าธ.ค.นี้ รวมถึงรถไฟความเร็วสูง สรุปจะมีโครงการด้านคมนาคมประมูลกว่า 2.5 แสนล้านบาท 

ลุ้นเดินหน้าดิจิทัลอีโคโนมี

นาง ทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า การผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล (DE) ขณะนี้ต้องรอให้รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ พิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างใด เท่าที่ทราบ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้ผลักดัน ได้หารือนายกฯแล้วว่าควรดำเนินงานต่อ 

นายชิต เหล่าวัฒนา หนึ่งในคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า นโยบาย DE ได้ประกาศเป็นนโยบายรัฐบาลแล้ว อย่างโครงการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งชาติก้าวหน้าไปมากแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ทีมเศรษฐกิจใหม่จะตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ 

สำหรับ ความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งกระทรวงดิจิทัล อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระที่ 2 ซึ่งได้ขยายเวลายังไม่นัดประชุม จะรอพิจารณาพร้อมร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่ง ครม.อนุมัติให้นำส่งร่างเข้า สนช. 

"ศก.ดิจิทัล" สะดุดกระทบ 4G

เกี่ยว กับกรณีดังกล่าว นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า โจทย์ที่เป็นกังวลคือความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจที่เคยวางแผนไว้จะ สามารถทำได้หรือไม่ เช่น นโยบายดิจิทัลอีโคโนมีเพราะหมายถึงระบบ 4จี โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของประเทศ ดังนั้นรัฐบาลใหม่ควรชี้แจงนโยบายให้ชัดเจน เรื่องต่อมาคือควรเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยต้องแยกให้ออกว่า สิ่งไหนคือกระตุ้นเศรษฐกิจ สิ่งไหนเป็นนโยบายปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศปัจจุบันแขวนอยู่บนความหวังจากภาคการท่อง เที่ยว และการลงทุน จึงต้องหามาตรการเร่งด่วนอื่นช่วยพลิกฟื้นในปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า 

ขณะ ที่มาตรการช่วยเหลือด้านปากท้องในระยะสั้นก็สำคัญมาก รมว.คลัง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ น่าจะเข้าใจโจทย์เศรษฐกิจและระบบการเงินเป็นอย่างดี โดยเอสเอ็มอี และปัญหาปากท้อง เป็น 2 โจทย์ที่ต้องช่วยเหลือแบบแยกส่วนกัน แต่เชื่อมโยงกัน เพราะเกี่ยวกับการบริโภคของประเทศทั้งคู่ ขณะที่ภาคการส่งออกเป็นโจทย์ยากมาก แต่การหาตลาดใหม่ การผลักดันด้านส่งออกก็สำคัญมาก เช่น สนับสนุนค้าชายแดน เป็นต้น 

ฝากแก้ IUU-เจรจา FTA

ด้าน ความเห็นเกี่ยวกับ ครม.เศรษฐกิจใหม่จากภาคธุรกิจแต่ละสาขา นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับ ครม.ใหม่เสมือนการรีเอ็นจิเนียริ่ง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ทั้ง รมว.พาณิชย์ 

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ มีพื้นฐานจากการเป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์มายาวนาน ส่วน ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ ก็มีความสามารถด้านนโยบายมหภาค น่าจะช่วยผลักดันการทำงานเป็นทีมเวิร์ก ภารกิจฝากรัฐบาลใหม่ คือ 1) นโยบายการเงินต้องดูแลค่าเงินบาทให้เหมาะสม 2) แก้ปัญหาทำประมงที่ผิดกฎหมาย (IUU) ปัญหาค้ามนุษย์ 3) การเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ (เอฟทีเอ) ไทย-สหรัฐ ไทย-สหภาพยุโรป แม้ไม่มีการเจรจาต่อเนื่อง แต่หารือในระดับเจ้าหน้าที่ได้ 4) สร้างความเชื่อมั่น

เดินหน้าระบายข้าว-ช่วยชาวนา

นาง สาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ขอให้บริหารจัดการสต๊อกข้าวสารรัฐ โดยเร่งเจรจาและส่งมอบข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ (G to G) ซึ่งยังมีอีกหลายประเทศที่สนใจ เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ และเร่งส่งมอบข้าวตามสัญญาให้จีน ส่วนการระบายข้าวสารเสื่อมคุณภาพควรเปิดประมูลทั่วไปแบบยกคลัง ไม่ต้องจำกัดอุตสาหกรรมใด ๆ เพื่อให้มีการแข่งขันเสนอราคา ทำให้รัฐได้ราคาสูงขึ้น กับเตรียมมาตรการช่วยเหลือชาวนาฤดูการผลิตข้าวนาปี ปี 2558/2559 ไม่ให้กระทบกลไกตลาด

ต่างชาติยื่น 3 ข้อเสนอ 

นาย ราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ในฐานะนักลงทุนต่างชาติยังมองว่าไทยเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจ โดยทาทาสตีลยังมั่นใจลงทุนในไทยระยะยาว และคาดหวังให้ ครม.ใหม่ดำเนินการ 1) บังคับใช้กฎหมาย หรือกำหนดมาตรการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม ช่วยส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการที่ลงทุนในไทยแข่งขัน กับสินค้านำเข้าได้ 2) เร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 3) กำหนดมาตรฐานเหล็ก

สภาอุตฯ-ผู้ส่งออก ฝากความหวัง

นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เอกชนพอใจทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เพราะทุกคนมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเศรษฐกิจ น่าจะมีมาตรการเชิงรุกกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นได้ และรู้ว่าที่ผ่านมามาตรการต่าง ๆ ล่าช้า เช่น ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ต้องปรับให้รวดเร็วขึ้น

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มองในทำนองเดียวกันว่า ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่สร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนได้เป็นอย่างดี เชื่อว่างานที่เกี่ยวข้องด้านต่างประเทศจะดีขึ้น ทั้งเจรจาการค้า สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ต้องการเห็นจากนี้ไป คือนโยบายที่ ครม.ใหม่ช่วง 3 เดือน 6 เดือนหลังจากนี้ที่ต้องดำเนินการอันดับแรกคือประชุมร่วมภาครัฐ -เอกชนแก้ปัญหาส่งออก 

การแก้ปัญหาปากท้องเกษตรกร หนี้ครัวเรือนเอสเอ็มอี ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว คาดว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวปีนี้ 2.5-3% การส่งออกติดลบ 3.7-4.7% 

ส่วน นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ส.อ.ท. ต้องการให้ รมว.พลังงาน (พล.อ.อนันตพรกาญจนรัตน์) ดูแลประเด็น "สายส่ง" ที่ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบเพราะ

บางโครงการมีการก่อสร้างโรงงาน ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนแต่ไม่มีสายส่งรองรับ และให้แยกระบบสายส่งออกจากระบบผลิตของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 

เร่งโครงสร้างพื้นฐานดันท่องเที่ยว

นาย อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) หลังเกิดเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ต้องการให้เร่งสร้างความเชื่อมั่นผ่านการทำ ตลาดและประชาสัมพันธ์เชิงรุก สนับสนุนให้เกิดการลงทุนสินค้าท่องเที่ยวใหม่ ๆ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว "แมนเมด" ไปในจังหวัดที่มีศักยภาพ 

ขณะ เดียวกันให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพราะไทยมีท่าอากาศยานนานาชาติจริง ๆน้อยมาก รวมทั้งจูงใจให้คนไทยเที่ยวในประเทศ โดยเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็น 3-5 หมื่นบาท จากปัจจุบัน 1.5 หมื่นบาท การจัดอีเวนต์ให้น่าสนใจ ฯลฯ

รับเหมาเชื่องานประมูลทะลัก

นาย ปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานบริหาร บมจ.ช.การช่าง และนายเปรมชัย กรรณสูตประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ มองคล้าย ๆ กันว่า จากนี้งานประมูลขนาดใหญ่จะทยอยออกมามากขึ้นไปถึงปีหน้า ทั้งรถไฟฟ้า ทางคู่ มอเตอร์เวย์ สอดคล้องกับที่นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เห็นว่าเอกชนจะเชื่อมั่นและมีความหวังมากขึ้น เพราะนโยบายยังคงเดิม แต่หลักคิดการตลาดดีขึ้น 

"กระทรวง คมนาคมที่เปลี่ยนใหม่คงมาเร่งเรื่องระเบียบขั้นตอนราชการและระบบรางมากขึ้น อยากให้เร่งโครงการประมูลออกมาโดยเร็ว ที่ผ่านมาถูกตรวจสอบเยอะงานจึงไม่ค่อยออก คาดว่าถึงสิ้นปีงานใหญ่จะมีรถไฟทางคู่ 3 สาย มอเตอร์เวย์ 3 สายรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสุวรรณภูมิเฟส 2 น่าจะเป็นรูปธรรมที่สุด แต่กว่าเงินจะเข้าสู่ระบบได้กลางปี"59 เป็นต้นไป เพราะการประมูลงานกว่าจะได้ผู้รับจ้างใช้เวลา 6 เดือน"

อสังหาฯขอมาตรการกระตุ้น ศก.

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทยชี้ว่า ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามาในจังหวะที่ถูกต้อง น่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นให้ดีขึ้นได้ หลังทีมเศรษฐกิจชุดเก่าวางโครงสร้างระยะยาว เช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีไว้แล้ว โดย ครม.ใหม่ควรเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นภายใน 1 เดือน ซึ่งจะทำให้อสังหาฯดีขึ้นภายในปีนี้เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเห็นผลหากอสังหาฯดีเมื่อผ่านไปแล้ว 2-3 เดือน

ขณะที่นางแก้วเกล้า เผอิญโชค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจ บจ.ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ และนายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย 

เรียกร้องให้แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นวาระเร่งด่วน โดยนำระบบบริหารธุรกิจแบบเอกชนที่ควบคุมเงินเข้า-ออกมีประสิทธิภาพมาใช้ในการจัดการงบประมาณ

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.