"สมคิด" เข้าทำเนียบวันแรก
ยันไม่กดดัน หวังช่วยนายกฯแก้ปัญหาบ้านเมือง ศก.ซบเซา เร่งหามาตรการช่วยรากหญ้า
ชงเข้าที่ประชุมครม.จ่อถกเอกชน 27
ส.ค. ย้ำทำงานเป็นทีมไม่แบ่งแยก วอนคนไทยเชื่อมั่นประเทศ ไม่ให้ซ้ำเติมระบบ ศก....

เมื่อวันที่
24 ส.ค. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลวันแรก ว่า
การเข้ามารับตำแหน่งหวังช่วยนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาบ้านเมือง
โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ซบเซาและชะลอตัวจากปัจจัยภายนอกและในประเทศ
แต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดี โดยเตรียมหามาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด
เพื่อให้เศรษฐกิจท้องถิ่นขับเคลื่อนต่อไปได้ อีกทั้ง
จะเน้นการพัฒนาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และในเขตอุตสาหกรรม
การประสานงานต่างประเทศในการเจรจาการค้า
โดยจะหารือร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 27 ส.ค.นี้
พร้อมทั้งยืนยันว่า
การเข้ามาทำงานเป็นทีมจะร่วมกับทุกกระทรวงไม่มีการแบ่งแยก
และอยากให้คนไทยมีความเชื่อมั่น และหวังว่าการดำเนินงานจะเป็นด้วยความรวดเร็ว
ซึ่งการเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ไม่รู้สึกกดดัน
แม้จะมีความคาดหวังสูงจากทุกภาคส่วน ว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้
โดยจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด
สำหรับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้
บริษัทขนาดใหญ่ได้วางแผนรับมือกับความผันผวนไว้แล้ว
โดยที่รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นระดับรากหญ้า ซึ่งต้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหา
ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ได้ โดยการแก้ปัญหาในช่วงเวลา 1 ปีกว่าๆ หลังจากนี้ไป
จะไม่ใช่เป็นเพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องวางรากฐานเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
และปฏิรูปเชิงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับแนวทางของสภาปฏิรูปแห่งชาติ
(สปช.) กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม
ขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย
เพราะหากไม่มีความเชื่อมั่นจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ระบบเศรษฐกิจเกิดความซบเซา
และยากที่จะพัฒนาได้ โดยสาเหตุของปัญหาที่เศรษฐกิจซบเซามาจากปัจจัยภายนอก
แต่เป็นช่วงระยะสั้น แต่ปัจจัยสำคัญมาจากภายในประเทศ
ทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เกิดปัญหาค่าครองชีพในระดับรากหญ้า
เมื่อไม่มีกำลังซื้อพื้นฐาน ชาวนาชาวไร่ก็อ่อนแอ
บวกกับถูกทับถมไปด้วยความไม่เชื่อมั่น
“ทุกวันก็มีแต่ข่าวเศรษฐกิจไม่ค่อยดี
การลงทุนในประเทศก็ไม่ขยับเท่าที่ควร
ขอให้เราเชื่อมั่นในพื้นฐานและศักยภาพของประเทศ
รัฐบาลจะเร่งแก้ไขจุดอ่อนและเร่งสร้างรากฐานต่อไป ซึ่งแนวทางการทำงานของทีมเศรษฐกิจที่เข้ามาใหม่
จะสานต่อนโยบายของรัฐบาล ทั้งในส่วนของโครงการที่ดำเนินการมาแล้ว
และโครงการกำลังจะเริ่มต้นใหม่”