สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เศรษฐกิจไทยยังดิ่งเหว! / โดย รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
21/08/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาวะซบเซาอย่างหนักนับตั้งแต่ต้นปี 2557 ผ่านรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2558 จนเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ของปีแล้ว แม้แต่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจที่เคยเอาแต่แถลง ข่าวดีซ้ำๆว่าเศรษฐกิจไทยปี 2558 จะฟื้นตัวเติบโตดีในอัตราเท่านั้นเท่านี้ สุดท้ายก็จำต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงที่เป็นตรงข้ามว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้คงเติบโตไม่ถึงร้อยละ 3

6

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความหวังในหมู่ภาครัฐและเอกชนว่า เศรษฐกิจไทยจะถึง จุดต่ำสุดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 แล้วจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีเป็นต้นไป โดยเชื่อว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและประเทศที่เป็นแกนกลางสหภาพยุโรป (อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี) จะช่วยให้การส่งออกไทยและเศรษฐกิจไทยไม่ตกต่ำเลวร้ายไปกว่าที่ผ่านมา

แต่ถ้าพิจารณาข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2558 จะพบว่าดัชนีตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของไทยที่ ติดลบเกือบทุกรายการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 นั้น ยังไม่ส่อแนวโน้มว่าจะ ชะลอการติดลบให้น้อยลงจนอาจกลับมาเป็นบวกในไตรมาสที่ 3 ได้แต่อย่างใด

ตัวเลขที่สำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทยก็คือ มูลค่าการส่งออก ปรากฏว่าในไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 การส่งออกกลับติดลบมากขึ้นคือ ลดลงร้อยละ 5.5 จากช่วงเดียวกันของปี 2557 ขณะที่ในไตรมาสแรกมีมูลค่าลดลงร้อยละ 4.3 และถ้าพิจารณาตัวเลขการส่งออกรายเดือนจะพบว่า เดือนพฤษภาคม 2558 การส่งออกลดลงร้อยละ 5.5 พอถึงเดือนมิถุนายนกลับยิ่งลดลงเป็นร้อยละ 8.9

กระทั่งท้ายสุดกระทรวงพาณิชย์ถึงกับจำต้องยอมรับว่า การส่งออกของไทยทั้งปี 2558 จะลดลงร้อยละ 3 ซึ่งน่าจะยังเป็นการ มองโลกในแง่ดีเกินไปด้วยซ้ำ เพราะใน 6 เดือนแรกของปี การส่งออกก็ลดลงไปแล้วร้อยละ 4.8 ฉะนั้นถ้าจะให้การส่งออกทั้งปีลดลงเพียงร้อยละ 3 ตามที่คาด ก็หมายความว่าการส่งออกในช่วง 6 เดือนหลังของปีต้องลดลงเพียงร้อยละ 1 ซึ่งดูจะเป็นไปได้ยากมาก

และหากพิจารณารายการสินค้าจะพบว่า สินค้าที่ส่งออกลดลงอย่างมาก ได้แก่ สินค้าประมง เกษตรแปรรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และเคมี

ผลต่อเนื่องของการส่งออกที่ลดลงก็คือ การใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมได้ลดต่ำลงไปด้วย จากที่คงอยู่ในระดับร้อยละ 60 มาตลอดช่วงปี 2557 ถึงไตรมาสแรกปี 2558 พอสิ้นไตรมาสที่ 2 กลับลดลงเหลือร้อยละ 55.5 โดยเป็นการลดลงมากที่สุดในอุตสาหกรรมอาหาร เสื้อผ้า ยานยนต์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ยางและพลาสติก

 

การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอลงทำให้มีการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางลดลงด้วย โดยใน 6 เดือนแรกของปี 2558 ลดลงร้อยละ 13 ยิ่งกว่านั้นสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างหนักและการใช้กำลังการผลิตที่ลดต่ำลง ทำให้ผู้ผลิตชะลอการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ ดังจะเห็นได้ว่ามูลค่าการนำเข้าเครื่องจักรในไตรมาสแรกลดลงเพียงร้อยละ 0.9 แต่ในไตรมาสที่ 2 กลับลดลงไปมากถึงร้อยละ 5.3

เศรษฐกิจภาคชนบทก็อยู่ในสภาพซบเซาอย่างหนักเช่นกัน สาเหตุสำคัญคือ การตกต่ำของราคาพืชผลเกษตร และภาวะแห้งแล้งอย่างรุนแรงในปีการผลิต 2558 ข้อมูลแสดงว่ารายได้ภาคเกษตรในไตรมาสแรกลดลงร้อยละ 10.6 และไตรมาสที่ 2 ลดลงร้อยละ 14.2 ขณะที่การผลิตเกษตรไตรมาสแรกลดลงร้อยละ 3.7 และลดลงร้อยละ 8.9 ในไตรมาสที่ 2

นี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่กำลังการใช้จ่ายในภาคชนบทเข้าขั้น หยุดชะงักซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจชนบททั้งหมด ทั้งยอดขายรถกระบะ รถจักรยานยนต์ สินค้าอุปโภคทุกชนิดในภูมิภาค

ระดับการใช้จ่ายบริโภคของประชาชนอยู่ในภาวะซบเซาเช่นกัน ดัชนีการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าคงทนลดลงร้อยละ 3.6 ในไตรมาสแรก และลดลงร้อยละ 11.3 ในไตรมาสที่ 2 ของปี

ที่ น่าประหลาดก็คือ ตัวเลขดุลงบประมาณของรัฐบาลซึ่งเคย ขาดดุลไตรมาสละประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาทมาตลอดปี 2557 ถึงไตรมาสแรกของปี 2558 (ซึ่งก็คือรัฐบาลใช้จ่ายมากกว่ารายได้เพื่อ กระตุ้นอัดฉีดเศรษฐกิจ”) กลับกลายมาเป็น เกินดุลในไตรมาสที่ 2 ราว 100,000 ล้านบาท เท่ากับว่าในไตรมาสที่ 2 รัฐบาลไม่ได้กระตุ้นอัดฉีดเศรษฐกิจ แต่กลับ ดูดเม็ดเงินออกไปอีกด้วย

ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปที่ ติดลบทุกเดือนในไตรมาสแรกก็ยังคงติดลบต่อไปราวร้อยละ 1 ในไตรมาสที่ 2 แม้ว่ารัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงปฏิเสธอยู่ว่า ไม่ใช่ภาวะเงินฝืด

ตัวเลขที่ดูเหมือนว่าจะเป็นข่าวดีอย่างมากคือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 ในไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 ในไตรมาสที่ 2 โดยร้อยละ 19 ของนักท่องเที่ยวมาจากประเทศจีน แต่มีข้อสังเกตว่านี่เป็นการเพิ่มจากฐานตัวเลขที่ต่ำมากของช่วงเดียวกันของปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงความวุ่นวายทางการเมือง รัฐประหาร และกฎอัยการศึก

ยิ่งกว่านั้นยังมี ข่าวร้ายรอเวลาปะทุอีกในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 คือ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะต้องตัดสินใจว่าจะมีมาตรการตัดความช่วยเหลือแก่รัฐบาลไทยหรือไม่จากการที่จัดอันดับประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม เทียร์ 3” ของกลุ่มประเทศที่มีปัญหาค้ามนุษย์ หากรัฐบาลไทยถูกคว่ำบาตร ผลจะไม่ใช่เพียงการตัดเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่สินค้าจากประเทศไทยที่ส่งออกไปสหรัฐอเมริกาอาจจะถูกองค์กรพัฒนาเอกชนและผู้บริโภคของสหรัฐต่อต้านในข้อหา ค้ามนุษย์อีกด้วย

กรณีสหภาพยุโรป เตือน” (ให้ใบเหลือง) ประเทศไทยกรณีประมงไม่มีการควบคุมและผิดกฎหมายมาตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 โดยให้เวลาแก้ไขปัญหาถึงตุลาคม 2558 นั้น หากไม่สามารถแก้ไขได้ สินค้าประมงไทยที่ส่งออกไปสหภาพยุโรปมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทต่อปีจะถูกห้ามทั้งหมด

สินค้าส่งออกไปสหภาพยุโรปเป็นกลุ่มที่ประสบปัญหามากที่สุด เพราะสินค้าไทยนับพันรายการได้ถูกตัดสิทธิพิเศษอัตราภาษีศุลกากรต่ำ (จีเอสพี) ไปแล้วตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 แต่สหภาพยุโรปกลับเลื่อนการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (ที่จะมาแทนจีเอสพี) กับรัฐบาลไทยออกไปไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

กรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ประกาศเตือน ธงแดงมาตรฐานความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนไทย ตามมาด้วยการเตือนในลักษณะเดียวกันขององค์การการบินพลเรือนสหรัฐอเมริกา (FAA) อีกทั้งองค์การการบินพลเรือนของสหภาพยุโรปก็มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติเช่นเดียวกัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ ธุรกิจเช่าบินเหมาลำที่ถูกห้ามเพิ่มและเปลี่ยนในบางเส้นทางการบิน และในระยะข้างหน้าก็อาจจะมีผลกระทบต่อไปถึงสายการบินสัญชาติไทยอื่นๆที่บินไปสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน และญี่ปุ่น

จะเห็นได้ว่าดัชนีตัวเลขสำคัญๆเกือบทั้งหมดที่ติดลบในไตรมาสแรกของปี 2558 กลับยิ่งติดลบมากขึ้นในไตรมาสที่ 2 ตลอดจน ข่าวร้ายที่จะซ้ำเติมเข้ามาอีกในครึ่งหลังของปี ทำให้ความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจไทยจะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 3 แล้วจะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนั้น ดูจะเป็นจริงได้ยาก

ที่มาของข่าว: โลกวันนี้

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.