สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ต่างชาติ-กองทุนถล่มขาย หุ้นไทยทรุดกว่า 36 จุดนิวโลว์รอบ 16 เดือน
20/08/2015
ข่าวเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 18 ส.ค.หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดย่านราชดำริใจกลางเมืองและศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย ปรากฏว่าทันทีที่เปิดตลาด ดัชนีหุ้นทรุดตัวลงทันทีกว่า 37 จุด แม้จะมีแรงซื้อคืนกลับมาหลังจากนั้น ประคองให้ดัชนีปิดตลาดภาคเช้าลดลง 20 กว่าจุด แต่เมื่อเกิดระเบิดซ้ำเติมเข้ามาในภาคบ่าย แม้จะไม่มีผู้ได้รับอันตราย แต่ได้สร้างความตื่นตระหนกและกดดันบรรยากาศการลงทุนให้เลวร้ายลงยิ่งขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนยิ่งถล่มขายหุ้นหนีตาย กดดัชนีทรุดตัวลงไปต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,362.31 จุด ลดลง 46.43 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ระดับ 1,372.61 จุด ลดลง 36.13 จุด ทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบกว่า 16 เดือน ท่ามกลาง มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 78,348.55 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนในประเทศชิงเทขายหนีตายหนักสุดถึง 12,030.75 ล้านบาท ตามด้วยต่างชาติขายสุทธิ 6,908.90 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยสวนทางเข้าไปซื้อสุทธิ 17,700.47 ล้านบาท ส่วนพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 1,239.18 ล้านบาท


นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนี หุ้นไทยที่ร่วงลงแรง น่าจะรับผลกระทบจากเหตุระเบิดในช่วงสั้น และเป็นผลกระทบเฉพาะกลุ่ม โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบชัดเจน คือกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ซึ่งนักลงทุนไม่ได้ขายหุ้นทิ้งทั้งตลาด โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงทำการซื้อ-ขายอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายที่มีทั้งแรงซื้อ และแรงขายเข้ามา ส่วนแรงขายจากต่างชาตินั้นยังคงมีออกมาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขายแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ส่งผลทำให้ตลาดถึงกับต้องเป็นกังวล นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะจัดงานไทยแลนด์โฟกัส เชิญนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาร่วมรับฟังข้อมูลในเร็วๆนี้ มั่นใจว่าถ้าไม่มีเหตุความรุนแรงเพิ่มขึ้น เชื่อว่าทุกอย่างจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้

“นักลงทุนควรมีสติ อย่าตกใจ ให้มองสถานการณ์ทั่วโลก โดยให้ทยอยสะสมซื้อ มองระยะยาวเป็นหลัก ที่น่าจะส่งผลดีในอนาคต โดยดีบีเอสฯ มองดัชนีปีนี้น่าจะปรับตัวยืนเหนือระดับ 1,450 จุดได้

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในช่วงสั้น ซึ่งขณะนี้ทุกคนกำลังรอติดตามสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวว่ามาจากฝีมือของใคร เมื่อทุกอย่างคลี่คลายชัดเจนเชื่อว่าในระยะยาวทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้น เหมือนกับเหตุการณ์ทุกครั้งที่ผ่านมา เช่น ช่วงตอนชุมนุมทางการเมืองที่ราชประสงค์ หรือที่เคยเกิดเหตุระเบิดในอินโดนีเซียที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งกระทบในแง่ของจิตใจมากกว่า ส่วนในแง่เศรษฐกิจอาจกระทบน้อยมากๆเมื่อเทียบกับการเติบโตของ GDP แต่จะกระทบในช่วงสั้นจากความมั่นใจของผู้บริโภคที่ไม่กล้าออกไปจับจ่ายใช้สอย ส่วนการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่ส่วนใหญ่มีการวางแผนท่องเที่ยวกันล่วงหน้าไว้แล้วก็คงจะไม่เปลี่ยนแผนไปมาก แต่กลุ่มใหม่ที่กำลังจะตัดสินใจมาไทยก็อาจต้องคิดหนักในแง่ความปลอดภัย “หากราคาหุ้นไทยปรับตัวลงแรงมากๆจนราคาต่ำ ก็จะมีคนเห็นโอกาสเข้ามาซื้อหุ้นที่พื้นฐานดีเพื่อลงทุนระยะยาว ซึ่งผมเชื่อว่านักลงทุนบางกลุ่มจะถือโอกาสนี้เข้าไปซื้อหุ้น”

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์กล่าวว่า ไม่กังวลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น หลังเกิดเหตุวางระเบิด โดยตลาดหลักทรัพย์ ได้เตรียมความพร้อมและหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้ยังไม่มีมาตรการเพิ่มเติม โดยมาตรการปัจจุบันที่ใช้อยู่ยังสามารถดูแลได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และใช้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในประเทศมาเป็นปัจจัยหลัก มาใช้พิจารณาในการลงทุน ซึ่งหุ้นไทยยังมีอัตราผลตอบแทนและจ่ายเงินปันผลที่ดีอยู่ และราคาหุ้นขณะนี้ถือว่าไม่แพงมากเกินไป ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังมีการซื้อขายตามปกติ ไม่ได้มีการเทขายอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น แต่ในระยะกลาง-ยาวจะไม่กระทบ เพราะหุ้นไทยยังมีผลตอบแทนดีอยู่ ท่ามกลางวิกฤติก็จะมีโอกาสที่ดีในการลงทุน.
ที่มาของข่าว: ไทยรัฐออนไลน์

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.