บีโอไอสบช่องแก้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน หวังเพิ่ม-ขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุน หลังของเดิมถูกใช้มานานกว่า 10 ปี เผยปัจจุบันยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี ลดหย่อน 50% อีก 5 ปี จนเต็มแม็ก ไม่สามารถเพิ่มได้อีก เล็งใช้เครื่องมือใหม่ Tax Credit ให้เหมาะกับประเภทกิจการ

นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า BOI กำลังอยู่ในระหว่างประเมินผลยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนระยะ 7 ปี (2558-2564) หลังจากที่ประกาศใช้มาได้ 6 เดือน เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงจึงมีความจำเป็นต้องติดตามดูว่า จะต้องปรับปรุงอะไรใหม่หรือไม่ แต่ไม่ใช่การรื้อยุทธศาสตร์ใหม่ทั้งหมด เพราะยุทธศาสตร์ใหม่เป็นทิศทางที่ถูกต้องของการส่งเสริมการลงทุนในอีก 7 ปีข้างหน้า
เน้นเพิ่มขีดสามารถแข่งขัน
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ใหม่เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยให้ ก้าวพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง (Middle Income Trap) และสร้างให้การลงทุนของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน (รายละเอียดสัมภาษณ์เลขา BOI น.2) โดย BOI ได้กำหนดการให้สิทธิประโยชน์แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ 1) สิทธิประโยชน์ตามประเภทกิจการ (Activity-based Incentives) แบ่งประเภทกิจการเป็นกลุ่ม A1 A2 A3 A4 กับ B1 B2 เป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ตามลำดับความสำคัญของประเภทกิจการ
2) สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการ (Merit-based Incentives) แบ่งเป็นสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน-สิทธิ ประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม โดยจะเป็นการจูงใจให้มีการลงทุนหรือใช้จ่ายในกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อ ประเทศมากขึ้น
แก้ กม.ส่งเสริมลงทุน
อย่างไรก็ตาม สิทธิประโยชน์ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ปัจจุบันจะให้ได้ "ไม่เกิน" ไปกว่าที่ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 กำหนด คือสิทธิประโยชน์สูงสุดที่ได้รับ คือการ "ยกเว้น" ภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี กับการ "ลดหย่อน" ภาษีเงินได้ร้อยละ 50 ไม่เกิน 5 ปี ซึ่งสิทธิประโยชน์ดังกล่าวถูกใช้มามากกว่า 10 ปีโดยไม่มีการปรับปรุง ประกอบกับนโยบายรัฐบาลชุดปัจจุบัน การให้สิทธิประโยชน์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษกรณีกิจการเป้าหมาย ได้กำหนดสิทธิประโยชน์สูงสุดเต็มตามเพดานที่ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นหากจะให้สิทธิประโยชน์มากไปกว่านี้ "ไม่สามารถกระทำได้" จนกว่าจะมีการแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน
"ตอนนี้คณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุนเห็นชอบในหลักการแล้ว ทางสำนักงานอยู่ในขั้นตอนของการแก้ไข เสร็จแล้วจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.และส่งเข้ากฤษฎีกาต่อไป" นางหิรัญญากล่าว
เพิ่มเกณฑ์ Tax Credit
สำหรับเครื่อง มือที่จะให้การส่งเสริมการลงทุนนอกจากสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีแล้ว BOI กำลังพิจารณาเครื่องมือใหม่ อาทิ เงินลดหย่อนภาษี (Investment
Tax credit) ที่อาจจะเหมาะกับบางประเภทกิจการหรือบางกลุ่มธรุกิจที่ไม่ต้องใช้เรื่องของ การยกเว้นภาษี นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการอำนวยความสะดวก One stop service รวมไปถึงการออกใบอนุญาตทำงาน (Work permit) ด้วย แต่การยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีจะต้องพิจารณา 2 ด้าน กล่าวคือ การให้สิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดนักลงทุนในประเภทกิจการเป้าหมาย กับรายได้จากการสูญเสียภาษีของประเทศต้องไม่มากเกินไป
เอกชนขอเปิดกว้างประเภทอุตฯ
นาย สุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หาก BOI จะทำการแก้กฎหมายส่งเสริมการลงทุนเพื่อขยายสิทธิประโยชน์ด้านภาษีนิติบุคคล ให้ได้มากกว่า 8 ปี หรือลดหย่อนภาษีมากกว่า 50% "เป็นเรื่องที่น่าสนใจหากทำได้จริง" แต่ต้องพิจารณาดูว่าประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจะตกไปอยู่ที่ใคร เอื้อต่ออุตสาหกรรมไหนได้บ้าง เพราะหาก BOI ต้องการอุตสาหกรรมที่เข้ามาพัฒนาประเทศก็ต้องแก้กฎหมายฉบับนี้ "การให้สิทธิประโยชน์มากหรือน้อยจะมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลง ทุนต่างชาติ แต่จะขยายกี่ปีอยู่ที่ BOI เห็นสมควร"
ขณะที่นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องสิทธิประโยชน์ของ BOI ไม่ใช่ปัญหา ไทยไม่ได้ให้สิทธิประโยชน์ที่ "ต่ำกว่า" ประเทศอาเซียนอื่น ยกตัวอย่างกลุ่ม CLMV ให้สิทธิประโยชน์ลดภาษีนิติบุคคล 4 ปีแรกเป็น 0% 4 ปีต่อไปก็ให้เสียภาษีตามลำดับหรือน้อยกว่าประเทศไทยเสียอีก
"ปัญหา ตอนนี้ก็คือ ตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่มีการจำกัดประเภทของการส่งเสริม การลงทุนมากเกินไป เช่น กำหนด A1 A2 A3 A4 ซึ่งในตอนแรกทีเดียวปรับให้การส่งเสริมเพียง 13 อุตสาหกรรม แต่ภายหลังเอกชนคัดค้านจึงได้เพิ่มการส่งเสริมให้กับประเภท A4 เพิ่มอีก 37 อุตสาหกรรม ดังนั้นหากต้องการช่วยเหลือเอกชนควรปรับประเภทกิจการกลับไปเหมือนเดิมจะดี กว่า" นายวัลลภกล่าว