ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ปรับยอดส่งออกไทยลงอีกเป็นติดลบ 4.2% จากเดิมคาดติดลบ 2% ชี้เหตุจากเศรษฐกิจคู่ค้าของไทยหดเกือบหมดยกเว้นสหรัฐ ชี้เงินบาทอ่อนไม่ส่งผลบวกมากนัก เพราะเพื่อนบ้านก็ค่าเงินอ่อนลงเช่นกัน
นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปรับคาดการณ์ส่งออกในปีนี้ใหม่ โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 218,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือติดลบ 4.2% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบเพียง 2% ซึ่งเป็นการลดต่ำสุดในรอบ 6 ปี หลังจากปี 2552 ติดลบไป 12% เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าของไทยทุกตลาดต่างหดตัว ยกเว้นตลาดสหรัฐ
“ประกอบกับราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และย้ายฐานการผลิตในสินค้าที่สำคัญไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรับสิทธิ์ทางภาษีจากสหภาพยุโรป แม้ว่าค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนลงมาถึง 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ค่าเงินในภูมิภาคต่างอ่อนค่ามากกว่าไทย และไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง จึงไม่ได้ส่งผลดีต่อการส่งออกในปีนี้มากนัก และคาดว่าในครึ่งหลังของปีการส่งออกจะยังติดลบ ถึง 3.6%”
โดยเดือนมิ.ย.ไทยส่งออกเป็นมูลค่า 18,162 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.87% ส่งผลให้การส่งออกครึ่งแรกที่ผ่านมามีมูลค่า 106,856 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.84%
นายนพพร กล่าวอีกว่า ขณะที่ปัญหาภัยแล้งนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก เนื่องจากสินค้าเกษตรที่ส่งออก 10 อันดับแรก ยกเว้นข้าว ไม่ได้พึ่งพาการใช้น้ำมาก และฤดูการเพราะปลูกอยู่ในช่วงไตรมาส 3-4 จึงไม่มีผลต่อผลผลิตมากนัก ส่วนข้าวแม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดลงแต่มูลค่านั้นปรับเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนหมวดอาหาร และอาหารสำเร็จรูป คาดว่าปีนี้การส่งออกจะติดลบ 1% แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า และสหรัฐต่ออายุสิทธิทางภาษี ให้กับสินค้าไทย แต่ทั้งนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลต่อยอดคำสั่งซื้อ และการที่สหรัฐยังคงอันดับการค้ามนุษย์ของไทยอยู่ในระดับเทียร์ 3 อาจทำให้การส่งออกอาหารสำเร็จรูปของไทยปีนี้หดตัว 4% ได้ เพราะสหรัฐเป็นตลาดหลักสินค้ากลุ่มดังกล่าว
ด้านนายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยจะอ่อนตัวลงมาแต่มีความผันผวนอย่างมาก ทำให้ไม่ได้ช่วยให้ภาคส่งออกดีขึ้นในระยะสั้น เพราะเอกชนทำสัญญาการซื้อขายไว้ล่วงหน้าแล้ว