"วิรไท" แนะเดินหน้าการลงทุน หลังอยู่ในภาวะน่ากังวล เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ชี้กำลังคนในภาครัฐเพิ่มขึ้นแต่ประสิทธิภาพลดลง
นายวิรไท สันติประภพ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ และว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. คนใหม่ กล่าวว่า วันนี้ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง สัดส่วนตลาดสินค้าไทยลดลงต่อเนื่อง ครัวเรือนของไทยมีความอ่อนแอลง ฐานะทางเศรษฐกิจลดลง จากความสามารถในการหารายได้ ค่านิยมที่เสื่อมลง ทั้งการยอมรับ การคอรัปชั่น ทำให้โครงสร้างแรงจูงในในระบบเศรษฐกิจถูกกระทบ
" ช่วงนี้จะทำอะไร อย่าทำมากเรื่อง ทำอะไรที่เราเดินหน้าไปได้ คือ เรื่องของการลงทุน มีเครื่องชี้หลายอย่างที่สะท้อนว่าการลงทุนอยู่ในภาวะน่ากังวล ระดับการลงทุนที่แท้จริงของไทยนั้น ยังไม่สามารถกลับไปอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 40 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันที่เริ่มปรับสูงขึ้นแล้ว " นายวิรไท กล่าว
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนก็ชะลอตัวต่อเนื่องหลังเหตุการณ์น้ำท่วม การลงทุนโดยรวมชะลอลง พบว่า กระจุกตัวเพียงไม่กี่อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคม อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมขนส่ง ในอุตสาหกรรมอื่นๆตัวเลขการลงทุนยิ่งชะลอลงมาก จากการนำเข้าเครื่องจักรภาคอุตสาหกรรมซึ่งสะท้อนการลงทุนโดยรวมของประเทศ ชะลอลง 3 ปี
ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ มีปัญหาหลายเรื่อง มีการเข้าซื้อกิจการของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้เพิ่มฐานการผลิตมากเท่ากับการเข้ามาตั้งโรงงาน อีกด้าน คือ พบว่า เราเห็นอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนในรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ แต่หลังๆมาลงทุนในเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ไทยยังต้องแก้ไขภาครัฐ หมายถึงระบบราชการ และรัฐวิสาหกิจ เป็นทั้งผู้ใช้ทรัพยากร และผู้คุมกติกาผู้ที่มาใช้ทรัพยากร กำลังคนในภาครัฐ เพิ่มขึ้น 50% งบเงินเดือน และสวัสดิการเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วง10 ปีที่ผ่านมา ประสิทธิภาพกลับตกต่ำลงในทุกเรื่อง