สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

สศอ.ยังมั่นใจศก.ฟื้นครึ่งหลัง
06/07/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

สศอ.ยังมั่นใจศก.ฟื้นครึ่งหลัง 
ไม่หวั่นวิกฤติกรีซ หากรัฐเร่งเบิกจ่ายงบฯกระตุ้นศก.

801

    สศอ.ยังมั่นใจดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมครึ่งปีหลังดีต่อเนื่องถึงปีหน้า แม้มี.ค.-พ.ค. ที่ผ่านมาติดลบ จากเศรษฐกิจโลกและวิกฤติกรีซ ชี้มีปัจจัยบวกจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนของภาครัฐ หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเอสเอ็มอี และผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ให้เกิดขึ้นเร็วในปีนี้ ได้เห็นเศรษฐกิจฟื้นตัว 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้อานิสงส์ กำลังผลิตเติบโต
    นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เอ็มพีไอ) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 จะดีขึ้น โดยยังคงเป้าเฉลี่ยทั้งปี 2558 เป็นบวกที่ 3-4% เมื่อเทียบกับปีก่อนแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวตามที่มีการคาดหวังไว้ก็ตาม แต่ขณะนี้ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความชัดเจนมากขึ้น 
    อีกทั้ง มองว่าเอ็มพีไอจะดีต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2559 เนื่องจากปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมน่าจะเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา ที่เป็นผลต่อเนื่องจากภาครัฐได้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณออกมาในปีนี้ รวมทั้งการมีเม็ดเงินลงสู่โครงการเมกะโปรเจ็กต์ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้มากขึ้น 
     โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แม้ว่าตัวเลขเอ็มพีไอยังคงติดลบ แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งเริ่มติดลบตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมาที่ -1.7% และล่าสุดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาติดลบ 7.6% จากปีก่อน สาเหตุที่คาดว่าสัญญาณเอ็มพีไอในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น เนื่องจากคาดว่าการผลิตของ 8 กลุ่มอุตสาหกรรมจะดีขึ้น ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมี ปิโตรเลียม ซีเมนต์ เหล็ก และสิ่งทอ จะปรับตัวดีขึ้น จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว 
    ขณะเดียวกันต้องการให้ภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ต้องมีมาตรการประคับประคอง เพราะเอสเอ็มอีนับว่าเป็นพื้นฐานในการบริโภคสินค้าภาคการเกษตร เพื่อช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ส่วนโครงการเมกะโปรเจ็กต์น่าจะเห็นได้ภายในปลายปีนี้ จะช่วยให้กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างได้ประโยชน์ และผลักดันให้เศรษฐกิจดีขึ้น
    "ตอนนี้ สศอ.ยังรอดูสถานการณ์ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะมีปัจจัยลบเข้ามา อาทิ ภัยแล้งและวิกฤติกรีซ ว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าปีนี้เอ็มพีไอน่าจะถึงจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ดังนั้น สศอ.ยังคงเป้าเอ็มพีไอเฉลี่ยทั้งปีนี้ 3-4% ขณะเดียวกันการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี รัฐควรถือโอกาสนี้ในการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการไทย ควรมีมาตรการส่งเสริม โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี เพราะหลังเปิดเออีซีก็นับว่าเป็นประเทศเดียวกัน ส่วนกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีพบว่าตลาดส่งออกยังเติบโตต่อเนื่อง โดยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 8.9% ซึ่งตลาดซีแอลเอ็มวีคิดเป็นสัดส่วน 35-36% ของตลาดอาเซียนทั้งหมด"นายอุดม กล่าว
    อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเอ็มพีไอเดือนพฤษภาคม 2558 ที่หดตัวลดลง 7.6% มาที่ ระดับ 158.85 เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 172.00 สาเหตุมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลิตลดลงเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ที่ค่ายรถยนต์รายใหญ่เปลี่ยนรุ่นรถกระบะทำให้ยอดผลิตลดลง แต่ได้กลับมาผลิตตามปกติในเดือนมิถุนายน 2558 ส่วนกลุ่มฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ โทรทัศน์ เบียร์และเครื่องประดับ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำแท่ง หดตัว 5.0% ตามการลดลงของการส่งออกสินค้าสำคัญ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
    ทั้งนี้ หากแยกเป็นรายอุตสาหกรรมพบว่ากลุ่มยานยนต์ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.76% การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศมีจำนวน 56,942 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.28% ,อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลดลง 15.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า มีปริมาณ 1.27 ล้านตัน ลดลง 23.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 
    ขณะที่อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตในกลุ่มสิ่งทอ ได้แก่ เส้นใยสิ่งทอ และผ้าผืนลดลง 3.92% และ 4.75% ตามลำดับ  และอุตสาหกรรมอาหาร การผลิตในภาพรวมปรับตัวลดลงจากปีก่อน 7.6%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,066 วันที่  2 - 4  กรกฎาคม  พ.ศ. 2558

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.