นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก เพราะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจต่าง ๆ ก็ลดกำลังการผลิตสินค้าลง ดังนั้นปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือการใช้นโยบายการคลังเนื่องจากนโยบายการเงินมีข้อจำกัด ซึ่งเห็นว่ารัฐต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณโดยเร็ว และเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

นอกจากนี้ รัฐจำเป็นต้องต้องมีมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศด้วยการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเข้ามาช่วยจูงใจประชาชน โดยเฉพาะภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เช่นการนำใบเสร็จรับเงินจากการใช้จ่าย เพื่อการท่องเที่ยวมาขอลดหย่อนภาษี หรือลดภาษีให้ประชาชนที่ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เป็นต้น หรือโครงการอื่นๆ ที่ส่งเสริมการใช้จ่ายในประเทศ แต่ไม่ควรเป็นโครงการประชานิยม

“ลูกค้าเอสเอ็มอียังมีปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคการเกษตร และธุรกิจที่เกี่ยวกับการอุปโภค-บริโภค โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด จะเห็นว่าคนไม่ซื้อสินค้า และบางธุรกิจหยุดชะงัก ขณะที่ยอดการเบิกใช้สินเชื่อ มีสัดส่วนที่น้อย จึงเห็นว่ารัฐควรใช้มาตรการภาษีเข้ามาช่วยการใช้จ่ายในประเทศส่วนการช่วยเหลือลูกค้าทีได้รับผลกระทบเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะพิจารณาเป็นรายกรณี และในช่วง5 ปีที่ผ่านมาได้ปรับโครงสร้างหนี้ และยืดระยะเวลาการชำระหนี้ให้ลูกค้าหรือเข้าไปช่วยเหลือ ก่อนที่ลูกหนี้มีปัญหา ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังอยู่ในระดับที่ 2.5% ซึ่งต่ำกว่าตลาด”

สำหรับปัญหาวิกฤติการเงินของกรีซนั้น เชื่อว่าจะไม่กระทบตลาดเงินและตลาดทุนไทยมากนัก และการค้าขายระหว่างไทยกับกรีซ มีสัดส่วนที่น้อย แต่ก็ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ว่าจะได้ข้อยุติลงอย่างไร ซึ่งมองว่าตลาดหุ้นไทย และเอเชีย ยังเป็นที่น่าลงทุนของนักลงทุน ส่วนการที่กรีซจะออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปนั้น จะเกิดปัญหาวุ่นวายในระยะสั้น และทำให้แต่ละประเทศคำนึงถึงเรื่องวินัยทางการเงินของตัวเองมากขึ้น และที่จะต้องระมัดระวังคือความผันผวนเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นสูง“