สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ส.อ.ท.ชี้เศรษฐกิจครึ่งหลังฟื้น
29/06/2015
ข่าวเศรษฐกิจ

ส.อ.ท.ชี้เศรษฐกิจครึ่งหลังฟื้น 
งบภาครัฐขยับ/ยอมรับ 5 เดือนแรกความเชื่อมั่นทรุด

ส.อ.ท.ชี้ดัชนีความเชื่อมั่นครึ่งหลังปี 2558 เริ่มปรับดีขึ้น พอมองเห็นสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น หลังจากความเชื่อมั่นปรับตัวติดต่อกัน 5 เดือน  ขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐและโครงการเมกะโปรเจ็กต์เริ่มทยอยออกมา ส่วนการท่องเที่ยวยังคึกคัก "สุพันธุ์" เผยเตรียมหารือที่ประชุม กกร. ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ พิจารณาปัญหาค่าแรงปีหน้า หนุนไตรภาคีพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำแต่ละจังหวัด

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2558 น่าจะปรับตัวดีขึ้น คาดว่าจะยังคงสูงกว่า 100 เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว การใช้งบประมาณของภาครัฐช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งโครงการเมกะโปรเจ็กต์ก็เริ่มทยอยออกมา นอกจากนี้ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยดีขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100.9 ลดลงจากระดับ 102.1 ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว เห็นได้จากค่าดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2558 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 5 โดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 85.4 จากระดับ 86.2 ในเดือนเมษายน ถือว่าต่ำสุดในรอบ 12 เดือน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับปัญหาภัยแล้งที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะภาคเกษตร 

นอกจากนี้ภาวะการแข่งขัน และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงความกังวลต่อการที่สหภาพยุโรป(อียู) ให้ใบเหลืองไทย กรณีการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย(ไอยูยู) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าประมงและอาหารทะเลกระป๋อง และอาหารแปรรูป ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอ่อนค่าลง 3% เป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการส่งออก

"ภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมจากนี้ไป น่าจะมีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยเข้ามาสนับสนุน ไม่ว่าราคาสินค้าเกษตรบางตัวเริ่มดีขึ้น อาทิ ยางพาราและปาล์ม ทำให้ภาคใต้เริ่มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมองว่าบทบาทของภาครัฐจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาวะที่กำลังซื้อชะลอตัว ขณะที่โครงสร้างการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบันไม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในต่างประเทศ

นายสุพันธุ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ โดยต้องการให้ภาครัฐมีการส่งเสริมให้โครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อจูงใจให้เข้าสู่ระบบภาษี และขยายฐานภาษีให้กับประเทศ สนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในการผลิตที่มีประสิทธิภาพเพื่อทดแทนการขาดแคลนแรงงาน รวมถึงหามาตรการเร่งพัฒนามาตรฐานสินค้าไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก

ส่วนปัญหาภัยแล้งยังเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคเกษตรกรรมและการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นรัฐบาลควรต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว ส่วนปัญหาการท่องเที่ยวเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากโรคไวรัสเมอร์ส เพราะไทยมีการดูแลและดำเนินการชัดเจนไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้

สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีการหารือเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำ จากปัจจุบันอยู่ที่ 300 บาททั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าส่งผลทบต่อต้นทุน ซึ่งยืนยันว่าแรงงานฝีมือของไทยได้รับการปรับขึ้นทุกปี และที่ผ่านมาก็ส่งผลไปยังแรงงานต่างชาติด้วย ดังนั้นจะมีการเสนอเพื่อให้ไตรภาคีมีส่วนร่วมในการกำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำเป็นรายจังหวัดไม่ใช่เหมารวมทั้งประเทศ รวมทั้งต้องพิจารณาถึงอัตราเงินเฟ้อประเทศเป็นหลักด้วย นอกจากนี้จะมีการประชุมเพื่อสรุปประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ(จีดีพี) และการส่งออกของไทยอีกครั้ง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,064 วันที่  25 - 27  มิถุนายน  พ.ศ. 2558

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.