
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลงว่า คาดว่าในปี 2558 จะมีอัตราเติบโต 1.8-2.0% ลดลงจากการคาดการณ์ไว้ที่ 2.3-2.7% และปรับเพิ่มการคาดการณ์อัตราการว่างงานในปีนี้ขึ้นเล็กน้อย จากเดิม 5.0-5.2% เป็น 5.2-5.3% นั้น ทำให้ ธปท.ต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะมีผลต่อการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อไป
ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมคือ 0-0.25% เป็นไปตามที่ตลาดส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้ โดยนางเจเน็ต แยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แสดงมุมมองนโยบายการเงินในทิศทางที่ผ่อนคลาย โดยระบุว่าช่วงเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งต้องพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจหลายด้านเพื่อประกอบการตัดสินใจ
“หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์จริง ธปท.คาดว่าตลาดจะไม่ตกใจรุนแรงเหมือนช่วงที่ประกาศลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) ในช่วงปี 2554 เพราะตลาดมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ภายหลังการประชุมดังกล่าวได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับอ่อนค่าลง ส่งผลให้วานนี้ (18 มิ.ย.) ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่เป็นการเคลื่อนไหวในระดับปกติและสอดคล้องกับเงินสกุลอื่นๆในภูมิภาค ซึ่ง ธปท.มีการติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง”
นายจิรเทพ กล่าวถึงกรณีการหาข้อตกลงการชำระหนี้ของกรีซว่า เป็นส่วนที่อ่อนไหวของเศรษฐกิจยุโรป และอาจจะกระทบต่อเนื่องให้ค่าเงินยูโรมีความผันผวน ส่วนเศรษฐกิจจีน ซึ่งไตรมาสแรกขยายตัวได้ 7% ชะลอตัวต่อเนื่อง และมีการเปลี่ยนแปลงการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยพึ่งพากำลังซื้อภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งส่วนนี้อาจจะกระทบการส่งออกของไทย เพราะไทยส่งออกไปจีนในอัตราที่สูงเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็นสัดส่วน 11% ของการส่งออกรวม