นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง.เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2558 มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำ จากภาวะเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินควรอยู่ในภาวะผ่อนคลายต่อเนื่องเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ นโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยให้ภาวะการเงินผ่อนคลาย และอัตราแลกเปลี่ยนได้ปรับตัวในทิศทางที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น
สำหรับประเด็นที่คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญในการตัดสินนโยบาย ได้แก่ เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน โดยแรงส่งทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 1 และเดือน เม.ย.2558 ชะลอลงจากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังเปราะบาง และการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเอเชีย และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการค้าโลก อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ทำได้เพิ่มขึ้น และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีต่อเนื่องมีบทบาทในการช่วยพยุงเศรษฐกิจ
“ในระยะต่อไป เศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่มีความเสี่ยงด้านต่ำ จากโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนและเอเชีย เป็นปัจจัยให้การส่งออกของไทยในปีนี้มีโอกาสสูงที่จะขยายตัวติดลบ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 0%” นายเมธีกล่าว
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานและอาหารสดเป็นหลัก แต่จะปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ด้วยผลของฐานราคาน้ำมันสูงที่จะทยอยหมดไป รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันและอาหารสดที่คาดว่าจะปรับสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก แต่แนวโน้มลดลงบ้างตามแรงกดดันจากด้านอุปสงค์ที่มีจำกัด แต่โอกาสของการเกิดภาวะเงินฝืดยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการอุปโภคบริโภคยังขยายตัว ราคาสินค้าและบริการส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น และการคาดการณ์เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายเงินเฟ้อ
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในเดือน พ.ค. นักลงทุนต่างชาติอยู่ในสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทย 94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ต้นปีถึงปัจจุบันยังขายสุทธิ 156 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการซื้อขายมีเพียงสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิ 24,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกองทริกเกอร์ฟันด์ แต่ไม่น่ากังวล เนื่องจากแต่ละกองมีเป้าหมายทำกำไรที่ต่างกัน จึงไม่สร้างความผันผวนให้ตลาด
ส่วนมูลค่าการระดมทุนในหุ้นไอพีโอตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน มี 79,800 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ทำได้ 13,835 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 477.3% เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาค
ด้านตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดวัน และปิดที่ระดับ 1,504.04 จุด เพิ่มขึ้น 11.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,909.76 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,193.22 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 1,571.35 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 150.89 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 529.02 ล้านบาท