สศช.คาด ศก.ปีนี้ขยายตัว 4%
ชี้มีปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุน
สศช. คาดเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3-4 จากการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนไตรมาสแรกโตร้อยละ 3.5 ด้านกรมสรรพากรประเมินจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2558 ต่ำกว่าประมาณการ 140,000 ล้านบาท สาเหตุน้ำมันลด เศรษฐกิจชะลอ เตรียมหารือภาคเอกชนเสียภาษีให้ถูกต้อง 26 พฤษภาคมนี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. ปรับประมาณการณ์จีดีพีปี 2558 เหลือร้อยละ 3-4 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 ส่วนจีดีพีไตรมาสแรกปี 2558 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ร้อยละ 3 ปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภคของประชาชน และภาคการท่องเที่ยว ส่วนภาคการส่งออกและการเกษตรยังติดลบ จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การแข็งค่าของค่าเงินบาท ราคาน้ำมันและสินค้าเกษตรในตลาดโลกผันผวนและการตัดสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) ในสินค้าส่งออกของไทยไปยุโรปบางประการ
ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 0.2 การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ 2.3 และร้อยละ 6.2 ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ -0.3 ถึงร้อยละ 0.7 และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 3.9 ของ GDP
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปี สศช. เชื่อว่า มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นตามความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม ประกอบกับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องจนถึงปลายปี ขณะเดียวกันการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ส่งสัญญาณที่ดีแก่เศรษฐกิจไทย ช่วยให้การส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีเป็นต้นไป แต่ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวภายหลังให้นโยบายเจ้าหน้าที่สรรพากรภาคและสรรพกรพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงช่วงเวลาที่เหลือของการจัดเก็บรายได้กรมสรรพากร ว่า ยอมรับปัญหาราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้กรมสรรพากรประเมินการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2558 อาจจะต่ำกว่าประมาณการโดยเฉพาะภาคธุรกิจน้ำมัน อาจทำให้การจัดเก็บรายได้ส่วนนี้หายไปไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท และรายได้จากนิติบุคคลที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจอีกไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท เท่ากับปีงบประมาณ 2558 กรมฯ จะเก็บภาษีต่ำกว่าประมาณการถึง 140,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วนจะต้องเข้มงวดตรวจสอบการเสียภาษีของภาคธุรกิจอย่างเป็นธรรม ต้องอำนวยความสะดวกและดึงภาคธุรกิจที่เห็นว่ายังเสียภาษีไม่ถูกต้องเข้ามาอยู่ในระบบ เช่น กรมฯ กำลังพิจารณาไม่ว่าโรงเรียนกวดวิชาในห้าง และร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ให้บริการในห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านอาหารดังๆ ที่ได้รับความนิยมในจังหวัดต่างๆ และภาคธุรกิจก่อสร้าง เช่น ธุรกิจปูน หิน ทราย และไม้ ซึ่งกรมฯ เห็นว่าธุรกิจเหล่านี้อาจจะมีการลงบัญชีไม่ถูกต้อง จึงต้องให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรไปแนะนำและลงบัญชีการเสียภาษี ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเป็นขยายฐานภาษีแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปตรวจเช็คธุรกิจเหล่านี้ย้อนหลัง แต่เพื่อให้การเสียภาษีถูกต้อง
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวต่อว่า วันที่ 26 พ.ค.นี้ กรมฯ จะประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนและขอความร่วมมือภาคธุรกิจให้ดำเนินการการจัดทำบัญชีเป็นไปตามระเบียบของกรมสรรพากร และได้กำชับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ควรชี้แจงและรับผลประโยชน์และผลตอบแทนใดๆ ในการอาศัยความเป็นเจ้าหน้าที่ชี้ช่องให้ภาคธุรกิจหลบเลี่ยงการเสียภาษี ในฐานะผู้บังคับบัญชาไม่อยากจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ซึ่งแนวทางการขยายฐานภาษีของกรมสรรพากรครั้งนี้ เพื่อต้องการให้การเสียภาษีของภาคธุรกิจเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมาย และที่สำคัญจะต้องให้บริการประชาชนด้วยความใจเย็น สุขุม ใช้วาจาสุภาพ เพราะขณะนี้พฤติกรรมของข้าราชการที่ให้บริการประชาชนหน้าตาไม่ค่อยยิ้มแย้มจะถูกนำลงสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะเป็นผลเสียทั้งระบบ