ภาคผลิตอุตฯไตรมาสแรกโงหัว
เห็นสัญญาณขยายตัว0.09%ยันไม่ปรับเป้าทั้งปี3-4%

สศอ.เผยดัชนีเอ็มพีไอไตรมาสแรกโง่หัวแล้ว จากปีก่อนติดลบถึง 7 % แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ดันอัตราการใช้กำลังผลิตในเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นที่ 63.59 % สูงสุดในรอบ 1 ปี แต่ยังห่วงอุตสาหกรรมสิ่งทอ ประเภทเส้นใยและเครื่องนุ่งห่มกำลังการผลิตยังต่ำ จากกำลังซื้อหดตัว แต่ยังยืนยันทั้งปีไม่ปรับเป้าเอ็มพีไอที่ 3-4 % ส่งผลให้จีดีพีอุตสาหกรรมโต 2-3 %

นายอิทธิชัย ยศศรี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากการสำรวจดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือเอ็มพีไอ ซึ่งเป็นตัวชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่า มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.09 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหดตัวลง 7.09 % โดยมีปัจจัยมาจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ซึ่งเห็นได้จากสัดส่วนสินค้าอุตสาหกรรมที่ส่งออกน้อยกว่า 30 % มีการขยายตัว 4.96 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนติดลบ 3.45 % และสินค้าที่มีสัดส่วนส่งออกมากว่า 30-60 % มีการขยายตัว 0.93 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนติดลบที่ 15.78 % ขณะที่สินค้าที่มีสัดส่วนส่งออกมากว่า 60 % ติดลบลดลงมาอยู่ที่ 3.86 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบถึง 4.57 %

นอกจากนี้ ยังพบว่า การนำเข้าสินค้าทุนเพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตในช่วงไตรมาสแรกก็ขยายตัวดีขึ้นมาที่ระดับ 1.1 % จากที่เคยติดลบถึง 13.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบ(ไม่รวมทองคำ) เพื่อมาผลิตสินค้า ได้ขยายตัว 0.4 % จากที่ในช่วงเดียวกันของปีก่อนติดลบที่ 7 % ซึ่งตัวเลขเอ็มพีไอของไตรมาสแรกที่ขยายตัวนี้ ได้อานิสงส์มาจากการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น การกลั่นน้ำมัน เบียร์ น้ำตาล เครื่องนุ่งห่ม รถยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ที่มีการขยายตัวถึง 3 % 

ส่วนแนวโน้มเอ็มพีไอในเดือนเมษายนนี้ จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่ คงต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากตัวเลขเอ็มพีไอของเดือนมีนาคม ได้กลับมาติดลบใหม่ที่ 1.8 %  หลังจากเป็นบวกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่เป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม(ไม่รวมทองคำ) หดตัวลง 2.5 %

อย่างไรก็ตาม ทางสศอ.จะยังไม่มีการปรับเป้าเอ็มพีไอของปีนี้ ที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 3-4 % โดยคาดว่าจีดีพีของอุตสาหกรรมเติบโตที่ 2-3 % ได้ เนื่องจากยังเห็นสัญญาณอัตราการใช้กำลังการผลิตมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมเคยอยู่ที่ 61.48 % เพิ่มขึ้นมาเป็น 63.59 %หรือเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี นับจากมีนาคม 2557 โดยมีเพียงอุตสาหกรรมสิ่งทอต้นน้ำ เช่น เส้นใย และเครื่องนุ่งห่ม เท่านั้น ที่มีการใช้อัตรากำลังการผลิตที่ยังต่ำกว่า 50 % เท่านั้น ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย ลดการนำเข้าสินค้า

อีกทั้ง พบว่าขณะนี้ผู้ประกอบการหันมาใช้วัตถุดิบในประเทศผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันความผันผวนด้านราคาของตลาดโลก ซึ่งเห็นได้จากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีการใช้วัตถุดิบในประเทศเพื่อขึ้น 3.22 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนติดลบ 1.83 %

นายสมศักดิ์ จันทรรวงทอง รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการขยายตัวของอุตสาหกรรมรายสาขาที่สำคัญแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 1.27 แสนคัน  ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.63 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้ประมาณ 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 6.37 % จากการผลิตรถยนต์ทั้งปีที่ประมาณ 2.13 ล้านคัน 

ขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า พบว่าการบริโภคเหล็กในเดือนมีนาคม มีประมาณ 1.32 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.32 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กระป๋องมีการผลิตเพิ่มเพื่อการส่งออก รวมถึงเหล็กทรงยาว เหล็กลวด เหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้าง เป็นต้น รวมถึงอุตสาหกรรมอาหาร ภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.5 % เนื่องจากการผลิตผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ และน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น

ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าในเดือนมีนาคม การผลิตจะปรับตัวลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากมีผู้ประกอบการบางรายที่ผลิต ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์หยุดซ่อมปรับปรุงเครื่องจักร เชื่อว่าในเดือนเมษายนนี้จะกลับมาผลิตได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นห่วงอุตสาหกรรมที่ยังปรับตัวลดลงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้า สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม จากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว  

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,049  วันที่   3 -  6  พฤษภาคม  พ.ศ. 2558